ญี่ปุ่นเดินเกมการฑูต แจกวัคซีนในอาเซียน?
Editor’s Pick: ญี่ปุ่นเดินหน้าบริจาควัคซีนให้กับหลายประเทศในอาเซียน นี่กำลังเป็นการเดินเกมการทูตวัคซีนหรือไม่
ญี่ปุ่นบริจาค AstraZeneca ให้อาเซียน
รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น โทชิมิตซึ โมเตกิ แถลงว่า จะส่งมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของ AstraZeneca ให้กับหลาย ๆ ประเทศในภูมิภาคอาเซียน โดยเริ่มต้น 1 ล้านโดสให้กับเวียดนาม ก่อนจะตามมาด้วยอินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์ และประเทศไทยในเดือนหน้า แต่ยังไม่ได้ให้ข้อมูลชัดเจนว่า อีก 4 ประเทศที่เหลือนั้นจะได้รับวัคซีนมากน้อยเพียงใด
โมเตกิ ระบุว่า ญี่ปุ่นเลือกที่จะบริจาควัคซีนของ AstraZeneca ในสต๊อกบางส่วนโดยอิสระ ไม่ขึ้นกับโครงการ Covax ขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO โดยชี้ว่า ขั้นตอนในการขออนุมัตินั้นต้องใช้เวลา แต่เรื่องวัคซีนนั้นมันรอไม่ได้
ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้ทำสัญญาสั่งซื้อวัคซีน AstraZeneca มากถึง 120 ล้านโดส โดย 90 ล้านโดสเป็นการผลิตในประเทศด้วยการใช้วิธีการผลิตจากสหรัฐฯ, กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นได้อนุมัติวัคซีนเป็นกรณีฉุกเฉินไปแล้วเมื่อเดือนที่แล้ว แต่ยังไม่ได้ฉีดให้ประชาชน เนื่องจากความกังวลเรื่องผลข้างเคียง "เส้นเลือดอุดตัน" ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ
ไม่ได้เป็นการบริจาคด้วยจิตกุศล
การประกาศบริจาควัคซีนล่าสุดของญี่ปุ่นให้กับชาติในอาเซียนครั้งนี้ มีขึ้นตามมาหลังจากที่ได้บริจาควัคซีน 1.24 ล้านโดสให้ไต้หวันไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ทำให้จีนไม่พอใจอย่างมาก โดยโฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนชี้ว่า "ขอต่อต้านเรื่องนี้อย่างหนัก"
ทำให้นักวิเคราะห์มองว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าว ไม่ใช่เป็นการให้แบบบริสุทธิ์ใจ 100% แต่เป็นการแสดงอำนาจของญี่ปุ่นในภูมิภาคให้มากขึ้น เพื่อหวังต่อกรกับอำนาจของประเทศจีนที่เพิ่มมากขึ้น
ฮิโรมิ มูราคามิ ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์การเมือง แห่งมหาวิทยาลัยเทมเพิล ในกรุงโตเกียว ชี้ว่า เขาเชื่อว่าแผนการของญี่ปุ่นในการบริจาคให้กับชาติอาเซียนนั้น มีแรงบันดาลใจอยู่ 2 อย่างคือ ทั้งต้องการช่วยเพื่อน ๆ และเพื่อนบ้าน รวมถึง เรื่องภูมิรัฐศาสตร์ ที่ต้องการสร้างอำนาจคานอิทธิพลของจีนด้วยนั่นเอง
อีกทั้ง การที่ญี่ปุ่นประกาศว่าจะบริจาคด้วยตัวเอง ไม่ได้เป็นการส่งมอบให้กับ COVAX ของ WHO นั่นก็เพราะว่า หากญี่ปุ่นเดินหน้าด้วยกระบวนการดังกล่าว ก็จะไม่สามารถระบุจุดหมายของผู้รับวัคซีนได้อย่างชัดเจน อย่างกรณีการบริจาคให้ไต้หวัน ซึ่งไม่ได้เป็นลิสต์ต้น ๆ ของ COVAX ในการได้รับบริจาค
"การช่วยเหลือโดยตรงแบบนี้ คือการที่ญี่ปุ่นได้ทำการ PR ให้ตัวเอง อีกทั้งชาวไต้หวันยังแสดงความขอบคุณต่อความเอื้ออาทรของญี่ปุ่นอีกด้วย"
"ภูมิรัฐศาสตร์การเมืองแฝง"
สเตเฟ่น นากี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยนานาชาติคริสเตียน ในกรุงโตเกียว แสดงความเห็นถึงการบริจาคของญี่ปุ่น ว่า "ไม่ใช่การใช้อำนาจอย่างบริสุทธิ์ใจ"
อย่างกรณีของไต้หวัน ซึ่งเคยเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือหลักกับญี่ปุ่นสมัยเกิดแผ่นดินนไหวและสึนามิ เมื่อปี 2011 และชาวญี่ปุ่นไม่เคยลืมเลือน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะมีอีกหลายปัจจัยที่ญี่ปุ่นต้องแสดงเช่นนี้ อย่างน้อยที่สุดก็เป็น "ภูมิรัฐศาสตร์การเมืองแฝง" เพื่อต่อกรกับจีน รวมถึง ผลกระทบที่เกิดขึ้นต่ออุปทานของเซมิคอนดัคเตอร์ และห่วงโซ่การผลิต ที่ไต้หวันกำลังเผชิญ
นากี ระบุว่า อีกทั้งประเด็นข้อพิพาทน่านน้ำทะเลจีนใต้ ก็ทำให้หลายหลายชาติในอาเซียน โดยเฉพาะฟิลิปปินส์และเวียดนาม สูญเสียความเชื่อมั่นต่อจีนลงไปมาก ทำให้.. ญี่ปุ่น เลือกที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือประเทศเหล่านี้ด้านวัคซีน และดูเหมือนจะได้รับการต้อนรับอย่างดี
และหากยิ่งญี่ปุ่นฉีดวัคซีนให้ประชากรได้มากแล้ว ก็จะยิ่งเห็นญี่ปุ่นเดินหน้ายื่นมือช่วยเหลือประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคมากขึ้นอีก