รีเซต

ครม.เคาะกฏหมายลูกเก็บภาษีบริษัทข้ามชาติ

ครม.เคาะกฏหมายลูกเก็บภาษีบริษัทข้ามชาติ
TNN ช่อง16
31 ธันวาคม 2568 ( 13:30 )
6

น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎหมายลำดับรอง จำนวน 4 ฉบับ ที่ออกตามความใน พระราชกำหนด (พ.ร.ก.)ภาษีส่วนเพิ่ม พ.ศ. 2567 เกี่ยวกับการกำหนดกลุ่มนิติบุคคลข้ามชาติที่อยู่ในบังคับ ต้องเสียภาษีส่วนเพิ่ม และการปรับปรุงรายได้ รายจ่าย และภาษีที่อยู่ในขอบข่ายเพื่อการคำนวณภาษีส่วนเพิ่ม ตามที่กระทรวงการคลัเสนอ

โดยพ.ร.ก.ภาษีส่วนเพิ่ม พ.ศ. 2567 ได้มีผลใช้บังคับแก่นิติบุคคลข้ามชาติ (Multinational Enterprises) ขนาดใหญ่แล้ว สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มใน/หรือหลังวันที่ 1 ม.ค.68 เป็นต้นไป และเพื่อให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีส่วนเพิ่ม สามารถคำนวณภาษีได้อย่างถูกต้อง และเป็นไปตามที่ พ.ร.ก.ภาษีส่วนเพิ่ม พ.ศ. 2567 กำหนด  กระทรวงการคลังโดยกรมสรรพากร จึงได้เสนอ ครม.กำหนดรายละเอียดเพิ่มเติมดังต่อไปนี้ 

(1) พระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์การพิจารณาการอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีส่วนเพิ่มสำหรับกลุ่มนิติบุคคลข้ามชาติที่มีการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร

 


(2) พระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับนิติบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคลในเครือ

 (3) กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การปันส่วนภาษีส่วนเพิ่มคงเหลือที่ประเทศไทยได้รับ สำหรับกรณีที่ไม่มีกลุ่มนิติบุคคลในเครือรายใดซึ่งตั้งอยู่ในประเทศไทยและเป็นสมาชิกของกลุ่มนิติบุคคลข้ามชาติมีผลกำไร 

 และ (4) กฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์การปรับปรุงรายได้ รายจ่าย และภาษีที่อยู่ในขอบข่ายเพื่อการคำนวณภาษีส่วนเพิ่ม รวมทั้งหลักเกณฑ์การคำนวณภาษีส่วนเพิ่มภายในประเทศไทย

ด้าน นายสิริพงษ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ร่างกฎหมายลำดับรองดังกล่าว ไม่เป็นการสร้างความผูกพัน ต่อ ครม. ชุดต่อไปตาม มาตรา 169 (1) ของรัฐธรรมนูญ เนื่องจากไม่ก่อให้เกิดภาระต่องบฯ หรือภาระการคลังในอนาคต หรือก่อให้เกิดการสูญเสียรายได้ แต่จะทำให้สามารถจัดเก็บภาษีส่วนเพิ่มได้ตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ ปีละ 12,000 ล้านบาท 


นอกจากนี้ยังส่งผลดีต่อกฎหมายว่าด้วยภาษีส่วนเพิ่มของประเทศไทย เป็นไปตามมาตรฐานสากล //การกัดกร่อนฐานภาษี และการถ่ายโอนกำไรของบริษัทข้ามชาติ จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในระดับประเทศ และระดับโลก //และการแข่งขันทางภาษีเงินได้นิติบุคคลระหว่างประเทศ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อันเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการลงทุนของประเทศไทยบนพื้นฐานของความยั่งยืนทางการคลัง

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง