TRUBBปี65รายได้ทะยาน20% รับดีมานด์-บาทอ่อนหนุน
ทันหุ้น - TRUBB ตั้งเป้าปี 2565 รายได้ทะยาน 20% จากปี 2564 รับดีมานด์ขยายตัว แถมเดินเกมเจาะตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง เสริมพอร์ตโกยเงินเพิ่ม แถมส้มหล่นรับเงินบาท ดันรายรับต่างประเทศพุ่ง ส่วนโควิดยังระบาดนั้นช่วยหนุนดีมานด์น้ำยาง-ถุงมือดีต่อเนื่อง
นายวรเทพ วงศาสุทธิกุล ประธานกรรมการบริษัท และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TRUBB เปิดเผยว่า ในปี 2565 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตราว 20% เมื่อเทียบกับปี 2564 เนื่องจากธุรกิจมีการทำตลาดใหม่ๆ เพิ่มเติม ส่งผลให้ฐานลูกค้าในส่วนต่างๆ ของบริษัทขยายตัวกว้างขึ้น และน่าช่วยสนับสนุนให้ทิศทางยอดขายดีขึ้นตดีขึ้นต่อเนื่อง
เงินบาทอ่อนหนุน
ทั้งนี้ ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของ TRUBB แบ่งเป็น การผลิตสินค้าและจำหน่ายให้กับลูกค้าในประเทศประมาณ 50%, ส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศอีก 50% รวมทั้งธุรกิจมีแนวทางทำตลาดใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนรายได้จากต่างประเทศให้ขยับสูงขึ้น
ส่วนทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่องจนล่าสุดมาอยู่ที่ราว 33.36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (อิงข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ 5 ม.ค.2565) บริษัทประเมินว่าจะเป็นผลดีต่อการดำเนินธุรกิจ เพราะช่วยสนับสนุนให้รายได้จากต่างประเทศขยายตัว
สำหรับประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังระบาดนั้นมองน่าจะเป็นผลดีต่อต่อความต้องการน้ำยางข้น, เส้นได้ยางยืด และถุงมือยาง ซึ่งน่าจะทำให้ยังมีความต้องการเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และน่าจะกลายเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนให้ภาพรวมธุรกิจเติบโตได้ตามที่วางไว้
เป้าหมาย 4.10 บ.
บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ฝ่ายวิเคราะห์ให้คำแนะนำ "ซื้อ" หุ้น TRUBB ประเมินราคาเป้าหมายที่ 4.10 บาท เพราะคาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งหลังปี 2564 น่าจะใกล้เคียงกับครึ่งแรกปีเดียวกันแม้ว่าราคาน้ำยางจะเริ่มปรับตัวลง แต่มองว่าจะได้ปริมาณขายน้ำยางที่เพิ่มขึ้นมาทดแทน ซึ่งจะทำให้รายได้ของธุรกิจยังเติบโต
จากปัจจัยดังกล่าวฝ่ายวิเคราะห์ประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 2564 อยู่ที่ 506 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,994% จากปีก่อน เพื่อรอบรับคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) ที่ดีขึ้นต่อเนื่อง
ขณะที่ในปี 2565 ฝ่ายวิเคราะห์คาดกำไรสุทธิไว้ราว 563 ล้านบาท เพิ่มขึ้นต่อเนื่องราว 11% เมื่อเทียบกับปี 2564 ผลมาจากการขยายกำลังการผลิตใหม่ในธุรกิจน้ำยางข้น และธุรกิจเส้นด้ายยางยืด รวมถึงเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจถุงมือยางเข้ามาเพิ่มเติม
ฐานธุรกิจแกร่ง
นอกจากนี้ ฝ่ายวิเคราะห์อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2564-2565 ปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 13.2% และ 12.0% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับปี 2563 อยู่ที่ 9.3% จากแนวโน้มราคายางที่ดี และ Product Mix และรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายเบาะและที่นอนจากยางพาราน้อยลง ซึ่งเมื่อรวมกับปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจที่แข็งแกร่ง ทำให้ฝ่ายวิเคราะห์มองเป็นโอกาสในการลงทุน
อนึ่ง งบการเงินงวด 9 เดือนปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 387.08 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 10.66 ล้านบาท เนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 ในทั่วโลกทำให้ความต้องการในกลุ่มธุรกิจน้ำยางข้นและน้ำยางแปรรูป และกลุ่มผลิตภัณฑ์จากยางมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน รวมทั้งธุรกิจยังสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ