อิสราเอลห้าม 'ชาวต่างชาติ' เข้าประเทศ หลังป่วยโควิด-19 'โอไมครอน' หนึ่งราย

(ซินหัว) -- วันอาทิตย์ (28 พ.ย.) รัฐบาลอิสราเอลมีมติห้ามชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์ล่าสุดอย่างบี.1.1.529 (B.1.1.529) หรือ "โอไมครอน" (Omicron)คำสั่งข้างต้นมีผลบังคับใช้นาน 14 วัน โดยถูกประกาศหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีช่วงข้ามคืนที่ผ่านมา ซึ่งหารือถึงการ กลับมาบังคับใช้ข้อจำกัดป้องกันและควบคุมโรคระบาดใหญ่ รวมถึงจะมีการใช้เทคโนโลยีติดตามโทรศัพท์อีกครั้งเพื่อติดตามผู้ที่จำเป็นต้องกักตัวปัจจุบันอิสราเอลรายงานการตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์โอไมครอน จำนวน 1 ราย ซึ่งสายพันธุ์นี้พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้อิสราเอลกำหนดให้ 50 ประเทศในแอฟริกาเป็น "พื้นที่สีแดง" โดยห้ามชาวอิสราเอลเดินทางไปยังประเทศเหล่านี้ ขณะชาวอิสราเอลที่เดินทางมาจากภูมิภาคแอฟริกาต้องกักตัว โดยชาวอิสราเอลทุกคนที่เดินทางมาจากแอฟริกาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาต้องเข้าตรวจหาโรคโควิด-19 ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าตามมาตรการเฝ้าระวังเมื่อวันเสาร์ (27 พ.ย.) กองทัพอิสราเอลประกาศแผนการแจกจ่ายชุดทดสอบโรคโควิด-19 ที่บ้านหลายร้อยชุดให้ผู้เดินทางกลับจากประเทศในแอฟริกา และจะเปิดโรงแรมกักตัวอีกครั้ง ด้านนาฟตาลี เบนเน็ตต์ นายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวว่าสถานการณ์ปัจจุบันมีแต่ความไม่แน่นอน แต่เป้าหมายคือการเปิดประเทศด้วยเศรษฐกิจที่เดินหน้าตามปกติและระบบการศึกษาแบบเปิดอนึ่ง เชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์โอไมครอน มีแนวโน้มแพร่ระบาดง่ายกว่าเชื้อไวรัสฯ ชนิดกลายพันธุ์ หลายสายพันธุ์ก่อนหน้า และปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดว่าวัคซีนที่มีอยู่จะมีประสิทธิภาพป้องกันเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์ล่าสุดนี้หรือไม่อิสราเอลเริ่มฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้เด็กอายุ 5 ปีขึ้นไปในสัปดาห์นี้ ทว่าเหล่าพ่อแม่ผู้ปกครองยังคงพาลูกหลานเข้ารับวัคซีนน้อยมาก ขณะยอดผู้ป่วยเสียชีวิตนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 ได้สูงเกิน 8,100 ราย ส่วนยอดผู้ป่วยที่ยังรักษาตัวสูงเกิน 7,000 ราย และในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยหนักในโรงพยาบาล 120 ราย