รีเซต

เมื่อครีมกันแดดไร้ผล ถอดบทเรียนสาวออสซี่ป่วยมะเร็งผิวหนัง

เมื่อครีมกันแดดไร้ผล ถอดบทเรียนสาวออสซี่ป่วยมะเร็งผิวหนัง
TNN ช่อง16
5 ตุลาคม 2568 ( 21:31 )
28

ในประเทศออสเตรเลีย  ดินแดนที่มีแสงแดดแรงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก การใช้ครีมกันแดดกลายเป็นกิจวัตรพื้นฐานพอ ๆ กับการแปรงฟัน แต่ข่าวล่าสุดกลับสร้างความสั่นสะเทือนในวงการความงามและสุขภาพ เมื่อพบว่ามีครีมกันแดดหลายยี่ห้อในออสเตรเลียถูกเรียกกลับจากตลาด หลังผลการทดสอบชี้ว่าค่าการป้องกันรังสี UV (SPF) ต่ำกว่าที่ระบุไว้บนฉลากอย่างมาก

ท่ามกลางข่าวที่เกิดขึ้น ยังมีเรื่องราวของหญิงออสเตรเลียคนหนึ่งที่กลายเป็นไวรัล เธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งผิวหนัง แม้จะทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน เรื่องนี้ได้จุดประเด็นคำถามสำคัญว่า “เรากำลังใช้ครีมกันแดดที่ได้ผลจริงหรือไม่?”

แสงแดดแรงที่สุดในโลก กับค่านิยม "Slip-Slop-Slap"

ออสเตรเลียเป็นประเทศที่มี อัตรามะเร็งผิวหนังสูงที่สุดในโลกโดยเฉพาะมะเร็งชนิดเมลาโนมา (Melanoma) จากข้อมูลของ Cancer Council Australia (2024)  พบว่า หนึ่งในสามของชาวออสเตรเลียจะมีประสบการณ์กับมะเร็งผิวหนังอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต

รัฐบาลออสเตรเลียจึงรณรงค์ให้ประชาชนใช้ครีมกันแดดตั้งแต่เด็ก ผ่านแคมเปญ “Slip-Slop-Slap” (สวมเสื้อ–ทาครีมกันแดด–ใส่หมวก) ที่โด่งดังไปทั่วโลก แต่แม้จะมีการรณรงค์ต่อเนื่องหลายสิบปี ปัญหามะเร็งผิวหนังก็ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ผู้หญิงที่เป็นมะเร็งผิวหนังทั้งที่ทาครีมกันแดดทุกวัน

เรื่องราวของ Jessica Keating  หญิงชาวซิดนีย์วัย 38 ปี กลายเป็นข่าวใหญ่ในออสเตรเลีย เธอเล่าว่าเป็นคนระมัดระวังเรื่องแดดมากโดยเธอเปิดเผยว่า “ทาครีมกันแดดทุกวัน ไม่เคยออกจากบ้านโดยไม่ทาเลย” แต่ในปี 2024 แพทย์กลับตรวจพบ “เมลาโนมา” บริเวณไหล่ ซึ่งต้องเข้ารับการผ่าตัดเร่งด่วน Jessica ใช้ครีมกันแดดยี่ห้อหนึ่งที่ภายหลังถูก เรียกกลับ เพราะตรวจพบว่า “ค่า SPF ที่แท้จริงต่ำกว่าที่ระบุไว้มาก” เธอกล่าวว่า  “ฉันไว้ใจครีมกันแดดยี่ห้อนั้นมาตลอดแต่สุดท้ายมันกลับไม่ปกป้องฉันเลย”

เหตุการณ์นี้สร้างความสะเทือนใจให้กับคนจำนวนมาก และกลายเป็นแรงผลักดันให้สังคมออสเตรเลียเริ่มตั้งคำถามกับระบบควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์กันแดด

วิกฤตครีมกันแดดในออสเตรเลีย: เมื่อ SPF ไม่เป็นจริง

ผลการทดสอบขององค์กรผู้บริโภค CHOICE ในเดือนมิถุนายน 2025 เปิดเผยว่า จากครีมกันแดดยอดนิยม 20 ยี่ห้อในตลาดออสเตรเลีย มีถึง 16 ยี่ห้อ ที่ไม่สามารถให้การป้องกันแสงแดดตามที่อ้างไว้บนฉลาก

โดยหนึ่งในนั้นคือแบรนด์ดัง Ultra Violette Lean Screen SPF50+ ซึ่งถูกทดสอบแล้วพบว่าค่า SPF จริงอาจต่ำเพียง SPF 4 เท่านั้น ทำให้บริษัทตัดสินใจ “เรียกคืนผลิตภัณฑ์ทั้งหมด” จากท้องตลาดในเดือนสิงหาคม 2025

ต่อมา หน่วยงาน TGA (Therapeutic Goods Administration) ได้ตรวจสอบเพิ่มเติมและพบว่า อย่างน้อย 21 ผลิตภัณฑ์ ที่ใช้สูตรฐานเดียวกัน (ผลิตโดย Wild Child Laboratories) อาจมีค่า SPF ต่ำกว่ามาตรฐาน และออกประกาศให้เรียกกลับหรือหยุดจำหน่ายชั่วคราว

แบรนด์ที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ Aspect Sun, Naked Sundays, Ethical Zinc, Aesthetics Rx, Endota และอื่น ๆ ซึ่งหลายตัวเป็นผลิตภัณฑ์ขายดีในตลาดพรีเมียม

ทำไมครีมกันแดดถึงกันแดดไม่ได้?

ปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากการปลอมแปลงโดยตรง แต่เกิดจาก “ความไม่สม่ำเสมอของผลการทดสอบ SPF” ห้องทดลองบางแห่งใช้มาตรฐานการทดสอบต่างกัน ทำให้ค่าที่ได้อาจ “ดีเกินจริง” หรือไม่สะท้อนการใช้งานจริง นอกจากนี้ ส่วนผสมในครีมกันแดด เช่น สารกันแดดแบบเคมี (chemical filters) อาจเสื่อมสภาพเมื่อเก็บไว้นาน หรือเมื่อสัมผัสอุณหภูมิสูง TGA ระบุว่า แม้การใช้ครีมกันแดดยังคงจำเป็น แต่ผู้บริโภคควร “ไม่พึ่งพาครีมกันแดดเพียงอย่างเดียว” และควรใช้ร่วมกับวิธีป้องกันอื่น เช่น เสื้อแขนยาว หมวก แว่นกันแดด และการหลบแดดในช่วงเที่ยง

บทเรียนสำหรับผู้บริโภคทั่วโลก

เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า “ครีมกันแดดไม่ใช่เกราะวิเศษ” แต่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการดูแลผิวจากรังสี UV แม้คุณจะใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ หากผลิตภัณฑ์ไม่ได้มาตรฐานหรือใช้ไม่ถูกวิธี ก็ยังมีความเสี่ยงสูงต่อการถูกแดดเผาและมะเร็งผิวหนัง

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า

  • เลือกครีมกันแดดที่ผ่านการรับรองจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ (เช่น TGA, FDA หรือ EU)
  • ตรวจสอบวันหมดอายุและเก็บในที่เย็น
  • ทาในปริมาณเพียงพอ (ประมาณ 2 มก./ตารางซม.) และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง
  • ใช้วิธีป้องกันแสงแดดแบบองค์รวม

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง