ไทยรุกส่งออกแรงงาน หนุนรายได้เข้าประเทศ

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน  เปิดเผยว่า ได้ร่วมหารือทวิภาคีกระชับความร่วมมือด้านแรงงาน ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงนโยบายด้านแรงงานและสังคมอิตาลี ซึ่งได้หารือถึงประเด็นการทำเอ็มโอยูเพื่อขยายโอกาสให้แรงงานไทยได้ไปทำงานในอิตาลีในภาคการเกษตร และภาคอื่นๆ ซึ่งมีค่าจ้างสูง และสวัสดิการดี เพื่อเพิ่มโอกาสให้แรงงานไทยในการทำงานต่างประเทศมากยิ่งขึ้น

 นายพิพัฒน์ ยังกล่าวว่า  หากรัฐบาลอิตาลีมีความต้องการ แรงงานภาคการเกษตร กระทรวงแรงงานไทยก็พร้อมและยินดีให้การสนับสนุนในการส่งแรงงานกลุ่มดังกล่าวไปทำงานที่อิตาลี จึงขอให้ทางรัฐบาลอิตาลีช่วยสนับสนุนความร่วมมือดังกล่าวให้บรรลุผลสำเร็จ นอกจากนี้ แรงงานภาคบริการ อย่าง สปา นวดแผนไทยเป็นแรงงานที่มีทักษะฝีมือได้รับการยอมรับจากหลายประเทศ และเป็นกลุ่มแรงงานที่สนใจเดินทางไปทำงานในอิตาลีอย่างถูกกฎหมาย 

ด้านนายสิบหมื่นชัย โพธิสินธุ์ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยตัวเลขการส่งออกแรงงานไทยว่า กล่าวว่า ปัจจุบันมีแรงงานไทยทำงานอยู่ทั่วโลกใน 139 ประเทศ ซึ่ง 5 อันดับแรกที่คนไทยไปทำงานมากที่สุด ได้แก่ ไต้หวัน สาธารณรัฐเกาหลี ญี่ปุ่น รัฐอิสราเอล และมาเลเซียตามลำดับ โดยปีงบประมาณ  2567 มีการจัดส่งคนหางานไปทำงานต่างประเทศแล้ว 64,943 คน ประมาณการรายได้เฉพาะปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ที่คนหางานในต่างประเทศส่งกลับประเทศไทยผ่านระบบธนาคารแห่งประเทศไทย รวม 181,492 ล้านบาท 

โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ได้เปิดอบรมแรงงานไทย จำนวน 298 คน เพื่อเตรียมเดินทางไปทำงานไต้หวัน จำนวน 291 คน ในตำแหน่งคนงานก่อสร้าง และพนักงานผลิตชิ้นโลหะ// ส่วนอีก 7 คนจะเดินทางไปทำงานที่ประเทศ ญี่ปุ่น ในตำแหน่งพนักงานการเกษตร พนักงานผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักร ซึ่งทั้งหมดเดินทางโดยบริษัทจัดหางานเป็นผู้จัดส่ง และกรมการจัดหางานกำลังทยอยจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานรัฐอิสราเอลประมาณ 3,000 คน

ทั้งนี้การอบรมแรงงานที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมให้แรงงานไทยมีความรู้เข้าใจ ทราบเงื่อนไขตามสัญญาจ้างงาน สภาพการจ้าง และขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ประเพณี รวมทั้งรู้ช่องทางขอความช่วยเหลือ ทราบสิทธิประโยชน์ และการคุ้มครองคนหางานตามกฎหมาย สามารถไปทำงานด้วยความมั่นใจ และมีความพร้อมในการทำงาน

สำหรับผู้ที่สนใจเดินทางไปทำงานต่างประเทศ สามารถติดตามข่าวสารการประกาศรับสมัครได้ที่เว็บไซต์ doe.go.th/overseas และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694

ที่มาภาพ : กระทรวงแรงงาน