อังกฤษปัดรัสเซีย “ยกทัพยิงเตือน” หลังเรือพิฆาตราชนาวีแล่นใกล้ไครเมีย (คลิป)
อังกฤษปัดรัสเซีย - วันที่ 24 มิ.ย. บีบีซี รายงานความคืบหน้ากรณีส่อเค้าสั่นคลอนความสัมพันธ์ระหว่างอังกฤษและรัสเซีย หลังกองทัพรัสเซียแถลงว่าส่งฝูงบินเครื่องบินเจ็ทมากกว่า 20 ลำและเรือของหน่วยงานยามชายฝั่ง ออกปฏิบัติการเตือน เรือพิฆาตเอชเอ็มเอส ดีเฟนเดอร์ ของกองทัพเรืออังกฤษ ซึ่งแล่นอยู่นอกชายฝั่งสาธารณรัฐปกครองตนเองไครเมีย พื้นที่พิพาทยูเครน-รัสเซีย ราว 19 กิโลเมตร เมื่อเวลาหลังเที่ยงของวันพุธที่ 23 มิ.ย.ตามเวลาท้องถิ่น
และเพราะเรือลำดังกล่าวไม่ยอมเปลี่ยนเส้นทาง เรือยามชายฝั่งรัสเซียจึงยิงเตือนไปหลายนัด เช่นเดียวกับเครื่องบินเจ็ทที่ทิ้งระเบิดเตือนให้เรือลุกล้ำออกจากน่านน้ำ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลอังกฤษปฏิเสธว่าไม่มีการเผชิญหน้าอย่างที่ทางการรัสเซียกล่าวอ้าง และว่ากองทัพรัสเซียแค่ฝึกยิงในพื้นที่ทะเลดำเท่านั้น
รายงานระบุว่า เรือเอชเอ็มเอส ดีเฟนเดอร์ เดินทางในเส้นทางประจำจากท่าเรือเมืองโอเดสซา ของกรีก ผ่านทะเลดำเพื่อมุ่งหน้าไปยังประเทศจอร์เจีย แถลงการณ์ส่วนหนึ่งจากกระทรวงกลาโหมอังกฤษระบุว่า “นี่เป็นเรื่องปกติสำหรับเส้นทางนี้ เรือได้เข้าสู่น่านน้ำซึ่งเป็นเส้นทางการเดินเรือที่ยอมรับในระดับสากล และออกจากพื้นที่ดังกล่าวอย่างปลอดภัย”
ขณะที่ นายโจนาธาน บีล ผู้สื่อข่าวบีบีซีรายงานส่งตรงจากเรือเอชเอ็มเอส ดีเฟนเดอร์ ว่า มีเครื่องบินเจ๊ตของรัสเซียหลายลำบินวนเวียนใกล้ๆ นอกจากนี้มีเรือยามชายฝั่งอีก 2 ลำ ซึ่งในบางช่วงแล่นเฉียดเรือเอชเอ็มเอส ดีเฟนเดอร์ ที่ระยะห่างเพียง 100 เมตร
ทั้งยังมีการส่งสัญญาณเตือนไม่เป็นมิตรผ่านคลื่นวิทยุและทำให้ลูกเรือเอชเอ็มเอส ดีเฟนเดอร์ ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเผชิญหน้าทางการทหาร
ด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า การกระทำของเรือเอชเอ็มเอ็มเป็นอันตราย การที่เรือรบต่างชาติเข้าสู่น่านน้ำของรัสเซียนั้นนับเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่ออนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล และเรียกร้องให้มีการสอบสวนกรณีที่เกิดขึ้น
ส่วนสถานทูตรัสเซียประจำอังกฤษทวีตว่า “เรือเอชเอ็มเอส ดีเฟนเดอร์ (มีความหมายในภาษาอังกฤษว่าป้องกันตัว) กลายเป็นเรือเอชเอ็มเอส โพรโวเคเทอร์ (แปลว่ายั่วยุปลุกปั่น) และละเมิดพรมแดนของรัสเซีย นี่ไม่ใช่การเดินเรือผ่านน่านน้ำที่เป็นกิจวัตรใช่ไหมล่ะ” ซึ่งช่วงบ่ายวันเดียวกันกระทรวงต่างประเทศรัสเซียเรียกทูตอังกฤษประจำรัสเซียเข้าพบ