'เงินยูโร' ร่วงต่ำกว่า 'ดอลลาร์สหรัฐ' ครั้งที่ 2 ของปีนี้
แฟรงก์เฟิร์ต, 23 ส.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันจันทร์ (22 ส.ค.) สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงต่ำกว่าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งที่ 2 ของปีนี้ เนื่องจากความกังวลประเด็นวิกฤตพลังงานที่เลวร้ายลง และการบังคับใช้นโยบายการเงินเข้มงวดมากขึ้นของสหรัฐฯ
เงินยูโรถูกซื้อขายที่ 0.9953 ดอลลาร์สหรัฐในตลาดสกุลเงิน เมื่อนับถึง 17.22 น. ของวันจันทร์ (22 ส.ค.) ตามเวลามาตรฐานสากล โดยแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมคริส เทิร์นเนอร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาดระดับโลกของไอเอ็นจี (ING) สถาบันการเงินระดับโลก กล่าวว่ามูลค่ายุติธรรม (fair value) ของเงินยูโรได้รับผลกระทบจากวิกฤตพลังงานด้านหนังสือพิมพ์ฮันเดลสบลัตต์ (Handelsblatt) ของเยอรมนี รายงานว่าแนวโน้มวิกฤตก๊าซที่อาจเกิดขึ้นทำให้สถานการณ์ในยูโรโซนไม่สดใสนัก โดยกลุ่มนักลงทุนยังคงกังวลต่อการตัดสินใจของก๊าซพรอม (Gazprom) ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของรัสเซีย ที่จะระงับการส่งก๊าซธรรมชาติสู่ยุโรปผ่านท่อส่งก๊าซนอร์ดสตรีม 1 (Nord Stream 1) ระหว่างการบำรุงรักษาช่วงวันที่ 31 ส.ค.-2 ก.ย.ขณะที่สถานีโทรทัศน์เออาร์ดี (ARD) ของเยอรมนี ระบุว่าอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สกุลเงินยูโรเริ่มอ่อนค่าลงอีก คืออัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด (Fed) โดยปัจจุบันนักลงทุนหลายรายคาดว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.75 ในวันที่ 21 ก.ย.