รวบหนุ่มกทม. อ้างพิษโควิดขายไก่ชนไม่ได้หันค้ายามูลค่า 37 ล้าน
เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่กองบังคับการควบคุมศูนย์ปฏิบัติการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือที่ 3 โรงเรียนบ้านผาตั้ง ต.ป่าตึง อ.แม่จัน จ.เชียงราย พล.ต.จรัส ปัญญาดี รองผู้บัญชาการศูนย์ปฎิบัติการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ เป็นประธานการแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหา พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด เคตามีน 20 กิโลกรัม ยาไอซ์ 1 กิโลกรัม โดยมี พ.ต.อ.โสภน ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงราย พ.อ.พักตร์พงษ์ เงสันเที๊ยะ หัวหน้ากลุ่มงานนโยบายแผนและการข่าว กอ.รมน.จ.เชียงราย นายอำเภอแม่จัน จ.เชียงราย นายดนุชา ไชยวงศ์ ผอ.ส่วนอำนวยการบังคับใช้กฎหมาย ป.ป.ส.ภาค 5 ร่วมแถลงข่าว
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 18 ต.ค. 64 ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ (ศป.บส.ชน.) ภายใต้การอำนวยการของ พลโท บุญยืน อินกว่าง แม่ทัพน้อยที่ 3 ในฐานะ ผบช.ศป.บส.ชน. สามารถจับกุม นายเลิศชาย หอบรรลือกิจ อายุ 51 ปี ชาว แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ พร้อมของกลาง ยาบ้าจำนวน จำนวน 300,000 เม็ด ยาไอซ์ จำนวน 1 กิโลกรัม เคตามีน 20 กิโลกรัม และรถยนต์วอลโว่ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ศช 8328 กรุงเทพมหานคร โดยเจ้าหน้าที่ได้ติดตามรถของเครือข่ายยาเสพติดได้เข้ามาในพื้นที่ จ.เชียงราย จึงได้ออกติดตามหาข่าวจนกระทั่งทราบว่ากลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดจากภาคกลาง ซึ่งมีพฤติกรรมลำเลียงยาเสพติดจากชายแดนภาคเหนือเพื่อส่งไปยังภาคกลาง จนกระทั่งตรวจสอบทราบว่ารถคันดังกล่าวคือรถยี่ห้อวอลโว่ หมายเลขทะเบียน ศช 8328 กรุงเทพมหานคร จึงได้ติดตามอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งพบรถคันดังกล่าวที่บริเวณถนนบายพาส ใกล้กับท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย จึงได้ติดตามจนกระทั่งไปถึงบริเวณ แยกไฟแดงบ้านใหม่ ถนนกลางเวียง ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย รถคันดังกล่าวได้ชลอเพื่อหยุดรอสัญญานไฟ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการตรวจค้นและจับกุมได้พร้อมของกลางในที่สุด
พล.ต.จรัส ปัญญาดี กล่าวว่า จากการสอบปากคำของผู้ต้องหาอ้างว่าได้ทำธุรกิจไก่ชน แต่ประสบปัญหาในช่วงโควิดระบาด จึงได้หันมารับจ้าลำเลียงยาเสพติด โดยทำมาแล้ว 2 ครั้ง อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ปักใจเชื่อ ซึ่งพบว่ามีการเคลื่อนไหวเกี่วกับขบวนการค้ายาเสพติดมาก่อนหน้านี้แล้ว อย่างไรก็ตามจะได้มีการขยายผลถึงผู้ที่เกี่ยวข้องอีก สำหรับมูลค่าของยาเสพติดในครั้งนี้พบว่าหากเข้าไปถึงตอนในของประเทศแล้วจะมีมูลค่าประมาณ 37 ล้านบาท โดยในช่วงนี้จะเห็นว่ามีความพยายามจะนำยาเสพติดเข้าไปยังพื้นที่ชั้นในของประเทศบ่อยครั้ง ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเกี่ยวขอ้งกับการที่จะเปิดสถานบันเทิง ทำให้มีความต้องการของกลุ่มผู้เสพท่มีความต้องการมากขึ้น ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ก็จะได้บูรณาการร่วมกันในการสกัดกั้นขบวนการค้ายาเสพติดไม่ให้แพร่ระบาดไปยังเยาวชนได้
ด้าน นายดนุชา ไชยวงศ์ กล่าวว่า จากการจับกุมในครั้งนี้ทาง ปปส.ได้มีการขยายผล และยึดทรัพย์ของผู้ต้องหาในพื้นที่กรุงเทพฯ มูลค่าประมาณ 3 ล้านบาท โดยเป็นบ้านพร้อมที่ดิน ทองรูปพรรณ และทรัพย์สินมีค่า มูลค่า และอยู่ระหว่างการขยายผลไปยังผู้จ้างวานและทำการจับกุมขบวนการดังกล่าว