สาวโวย นำรถเข้าอู่จ่าย 1.6 แสน ผ้าปริศนาอุดในท่อไอดี ใส่อะไหล่ไม่ตรง ไกล่เกลี่ยกับช่างสำเร็จ

สาวเมืองตรังโวย! ถูกช่างปริศนาอุดผ้าในท่อไอดี ทำรถพัง ก่อนนำรถซ่อมที่อู่ 3 เดือน จ่ายแล้ว 1.6 แสนบาท แต่เครื่องยนต์พังหมด รถขับไม่ได้ สูญเงินรวม 3 แสน หอบหลักฐานพึ่งตำรวจเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย ฝั่งช่างปัดไม่ได้ยัดผ้าในท่อไอดี ยอมรับอะไหล่บางตัวไม่แท้-ราคาแพง เพราะมีเหตุผล พร้อมคืนเงินให้เจ้าของรถ 1.7 แสน จบปัญหา

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานถึงกรณีที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งเปิดเผยว่า นำรถไปซ่อมที่อู่แห่งหนึ่งเนื่องจากรถมีปัญหา ก่อนจะพบว่ามีผู้ไม่หวังดีนำผ้าไปใส่ไว้ในท่อไอดี อู่แจ้งว่าใช้เวลาซ่อมกว่า 3 เดือน จ่ายเงินประมาณ 160,000 บาท แต่ปรากฏว่าเครื่องยนต์รถเสีย ใช้ไม่ได้ และกลับได้รับอะไหล่ปลอม แถมราคาแพงเกินจริง

ต่อมา น.ส.ชนกนันท์ (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี และ นายสุรศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี สองสามีภรรยาชาว ต.นาโยงเหนือ อ.นาโยง จ.ตรัง ซึ่งเป็นเจ้าของรถและนำหลักฐานเข้าพบ ร.ต.อ.ศักดิ์ดา ตะหริ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองตรัง เพื่อเป็นคนกลางในการเชิญ นายอภินันท์ (สงวนนามสกุล) หรือช่างเอ็ม อายุ 30 ปี เจ้าของอู่ ซึ่งเป็นอู่คู่กรณี เข้ามาพบเพื่อพูดคุยและหาทางออกในกรณีดังกล่าว

น.ส.ชนกนันท์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตั้งใจว่าจะแต่งรถเลยนำไปทำสีและแต่งห้องเครื่องที่อู่ในพื้นที่ ต.ท่าพญา อ.ปะเหลียน จ.ตรัง แต่ปรากฏว่ารถมีปัญหาเรื่องน้ำมันเบรกรั่ว ช่างคนแรกที่รู้จักกันได้แนะนำให้รู้จักกับช่างเอ็ม จึงนำรถไปซ่อมที่อู่ของช่างเอ็ม ซึ่งปัญหาก็จบไป รถกลับมาขับได้ปกติ ต่อมานำรถไปถ่ายน้ำมันเครื่องที่อู่เดิมในช่วงเช้า ช่วงเย็นนำรถกลับมาขับได้ 1 วัน แต่ปรากฏว่ารถขับไม่ได้ มีอาการวูบ ก่อนจะนำรถกลับไปให้ช่างที่อู่เดิมดู ช่างบอกว่าในน้ำมันเครื่องมีเศษเหล็ก ระบบเครื่องต้องมีปัญหาแน่นอน ช่างแนะนำให้ผ่าเครื่องเพื่อตรวจดู ตนก็ยินดี

น.ส.ชนกนันท์กล่าวว่า เมื่อกลับไปพบว่า มีผ้า 1 ผืน อุดอยู่ในท่อไอดี ตอนนั้นโกรธมาก เพราะอยู่ดีๆ ผ้าจะไปอุดอยู่ในท่อไอดีไม่ได้ แต่ไม่ได้ปรักปรําว่าเป็นใคร ช่างเอ็มบอกว่าอาจจะเป็นอู่ที่เราไปซ่อมก่อนหน้านี้หรือไม่ที่ลืมผ้าไว้ แต่กลับถูกช่างเอ็มห้ามไว้ว่าอย่าไปโวยวาย อย่าไปเอาเรื่องช่างก่อนหน้า เพราะรู้จักกับอู่ที่ซ่อมก่อนหน้า ก่อนที่ตนจะตกลงซ่อมกับอู่ช่างเอ็ม โดยจอดรถอยู่ที่อู่ 3 เดือน เมื่อถึงวันรับรถปรากฏว่ารถยังมีปัญหาขับไม่ได้อีก ก่อนจะจ่ายเงินให้ช่างเอ็มไป 162,205 บาท เพราะไม่กล้าซ่อมอู่เดิมแล้ว

น.ส.ชนกนันท์กล่าวอีกว่า ต่อมาโทรปรึกษาช่างที่รู้จักใน จ.ปทุมธานี จึงตัดสินใจนำรถบรรทุกรถสไลด์ไปซ่อมที่อู่ใน จ.ปทุมธานี เมื่อช่างแกะเครื่องดูปรากฏว่าช่างเอ็มไม่ได้ใส่อะไหล่ตามที่ตกลงกันไว้ คือไม่ได้ใส่ของแท้ตามที่เขียนในบิลเกือบ 30 รายการ เช่น ในบิลเขียนเปลี่ยนข้อเหวี่ยง MRX แต่เมื่อเปิดดูกลับเป็นข้อเหวี่ยงของรถรุ่นเดิมที่ไปนำมาจากคันอื่น น็อตฝาสูบในบิลเขียนเป็นนอตฝาสูบ PHC แต่กลับเป็นนอตที่ใช้ในงานก่อสร้างมาใส่แทน รวมทั้งราคาส่วนใหญ่ก็เกินจริงไปมาก ทำให้เครื่องยนต์เดิมที่ให้ช่างเอ็มซ่อมกลับซ่อมไม่ได้แล้ว ต้องเปลี่ยนหรือยกเครื่องใหม่ไปเลย 1 ลูก

“การที่เขารับผิดชอบก็ยังคงไม่เพียงต่อความเสียหายของเรา เพราะเราต้องซ่อมในราคาแพงกว่าเดิม ถึงรถจะกลับมาใช้ได้ปกติ จำนวนประมาณ 180,000 บาท อยากฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ว่าอย่าเชื่อใจใครมากเกินไปเพราะเราไม่ได้ไปตรวจสอบและจุกจิกอะไรเลยในการซ่อม เพราะเชื่อใจ อยากให้ศึกษาข้อมูลให้ดีๆ ซึ่งความเสียหายที่จ่ายไปทั้งหมด ทั้งค่ารถสไลด์ ค่าเสียเวลาต่างๆ รวมกับค่าที่จ่ายไปให้กับอู่ประมาณ 3 แสนบาทแล้ว” น.ส.ชนกนันท์กล่าว

ขณะที่นายอภินันท์ หรือช่างเอ็ม กล่าวว่า หลังจากที่ตนซ่อมไปและรถมีปัญหา คู่กรณีไม่ได้ติดต่อเข้ามาเลย จนกระทั่งตนโทรไปถามจนรู้ว่ารถมีปัญหาจริง ซึ่งตนบอกไปแล้วว่ายินดีจะชดใช้ค่าเสียหาย และยอมรับผิดว่าอะไหล่บางตัวไม่ได้เปลี่ยนให้ตามในบิล ไม่ได้แจ้งหรือบอกลูกค้าไปก่อนหน้า ส่วนผ้าที่ถูกไปอุดไว้ในท่อไอดี ตนไม่ได้ทำแน่นอน ขอยืนยัน

“จริงๆ แล้วมีอีกอู่หนึ่งที่น้องเขาไปซ่อมก่อนหน้า ขอไม่เอ่ยชื่อ ขอให้เรื่องจบลงแค่นี้ ส่วนราคาก็ไม่ได้เกินจริง เพราะบางตัวเป็นอะไหล่แต่ง ไม่ใช่อะไหล่เดิม ถ้าอะไหล่เดิมก็ไม่เกิน 1 แสนบาท แต่ที่ราคา 160,000 บาท เพราะเป็นอะไหล่แต่ง และที่ผู้เสียหายอ้างว่ามีผู้เสียหายหลายคนทักเข้ามาว่าถูกอู่ผมหลอกไปหลายคนหลังจากลูกค้าโพสต์เรื่องราวลงเฟสบุ๊ก ผมขอไม่ลงรายละเอียด เพราะที่ทำหรือซ่อมไปก็ตามงบของลูกค้า” ช่างเอ็มระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากมีการเจรจาไกล่เกลี่ยกันแล้ว ผู้เสียหายได้เรียกค่าเสียหายกับช่างเอ็ม จำนวน 170,000 บาท โดยช่างเอ็มยินดีจะชดใช้คืนให้ ล่าสุดโอนเงินคืนแล้ว 100,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 70,000 บาท ทั้งคู่ได้ทำสัญญาต่อหน้าพนักงานสอบสวน โดยช่างเอ็มยืนยันตามสัญญาว่าจะคืนให้หมดภายในเวลา 13.00 น. วันที่ 30 พ.ย.65