ไทยควรเดินเกมอย่างไร? เมื่อกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา การเจรจาเพื่อหยุดยิงของ 2 ชาติบนโต๊ะเจรจา ที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วนที่ประเทศมาเลเซีย กลับกลายเป็นสิ่งที่นักวิชาการด้านความมั่นคงอย่าง รศ.ปณิธาน วัฒนายากร มองว่าผิดปกติ และอาจส่งผลเสียกับประเทศไทยมากกว่าที่เห็นในระยะสั้น
รศ.ปณิธาน อธิบายว่าตามหลักสากล การหยุดยิงควรเกิดขึ้นภายหลังมีการตกลงเงื่อนไขอย่างรอบคอบ ทั้งในด้านการทหาร การควบคุมพื้นที่ ความปลอดภัยของประชาชน และกระบวนการตรวจสอบร่วม หากไม่มีสิ่งเหล่านี้ การหยุดยิงก็จะกลายเป็นเพียงคำพูดที่ว่างเปล่า และอาจนำไปสู่ความได้เปรียบของฝ่ายหนึ่งโดยไม่มีหลักประกันร่วม
โดยการสั่งการให้ผู้บัญชาการในพื้นที่เจรจาหยุดยิงก่อน ทั้งที่ยังไม่มีรายละเอียดข้อตกลงที่เป็นทางการ นี่จึงอาจถือเป็นการละเลยกลไกการทูตและความมั่นคงที่ควรเป็นรากฐานของการเจรจาแบบยั่งยืน ซึ่งอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมยังมีการยั่วยุ และ โจมตีเข้ามาโดยฝั่งกัมพูชา ทำให้ไทยจำเป็นต้องตอบโต้กลับไป
ความมั่นคงในพื้นที่ ปัจจัยที่ไทยไม่ควรมองข้าม
ข้อตกลงหยุดยิงที่เกิดขึ้นในช่วงเย็นวันที่ 28 กรกฎาคม พร้อมกำหนดเส้นตายให้ 2 ฝ่ายหยุดยิงในช่วงเวลาเที่ยงคืน นั่นทำให้ทันทีที่พระอาทิตย์ตกดิน กลายเป็นช่วงเวลาตึงเครียดจนเกิดการปะทะตามแนวยุทธศาสตร์ตลอดทั้งคืน
นักวิชากการ ยอมรับว่าการปะทะในช่วงเวลากลางคืน เป็นสถานการณ์ที่อันตรายกว่าในช่วงเวลาปกติ โดยมองว่ากัมพูชามีความได้เปรียบเชิงพื้นที่ เพราะกำลังรบหลักของไทยถูกส่งมาจากหน่วยพื้นที่อื่น
“ทหารไทยยังมีความจำเป็นต้องเข้าสถาปนาความมั่นคงในพื้นที่ เพื่อควบคุมจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ซึ่งหากเราหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไขหรือไม่มีมาตรการควบคุมร่วม ก็อาจเป็นการยอมรับให้ฝ่ายตรงข้ามเข้ามายึดพื้นที่โดยพฤตินัย ซึ่งในอนาคตหากมีผู้สังเกตการณ์จากนานาชาติเข้ามา อาจมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนว่าไทยมีการละเมิดข้อตกลง ซึ่งเราต้องจัดระเบียบพื้นที่ให้ได้” รศ.ปณิธาน กล่าว
เจรจาหลังปะทะหนัก การเผชิญหน้าที่ยากลำบาก
อีกหนึ่งข้อกังวลคือ เมื่อเกิดการสูญเสียชีวิตของทหารชั้นผู้น้อย การที่ผู้บัญชาการต้องมาเผชิญหน้าเจรจากับฝ่ายตรงข้ามโดยตรง ย่อมส่งผลต่อจิตวิทยาและความไว้วางใจในโต๊ะเจรจา รศ.ปณิธานจึงตั้งคำถามว่า โต๊ะเจรจาที่ไม่มีระบบรองรับชัดเจน จะสามารถนำไปสู่ข้อยุติที่มั่นคงและยั่งยืนได้จริงหรือไม่
โดยนักวิชาการมองว่าแนวทางที่ปลอดภัยและยั่งยืน คือการเจรจาภายใต้กรอบ GBC (General Border Committee) ซึ่งเป็นกลไกความร่วมมือชายแดนที่ทั้งสองประเทศยอมรับ และสามารถตรวจสอบได้ หากใช้ช่องทางลับหรือเร่งรัดโดยไม่มีกรอบชัดเจน ก็อาจก่อให้เกิดความคลุมเครือในภายหลัง
ไทยควรเดินเกมอย่างไร เพื่อส่งสัญญาณต่อประชาคมโลก
รศ.ปณิธานเสนอว่า ไทยควรสื่อสารกับนานาชาติให้ชัดเจน โดยเฉพาะต่อ สหประชาชาติ, จีน, สหรัฐฯ, และ อาเซียน ว่าการปะทะของไทยเป็นความจำเป็นเพื่อรักษาความปลอดภัยของพลเรือน ไม่ใช่การรุกราน ยิ่งในช่วงที่ฝ่ายกัมพูชาอาจมีความสามารถในการล็อบบี้นานาชาติได้มากขึ้น ไทยยิ่งต้องเร่งสร้างความเข้าใจ เพื่อป้องกันไม่ให้เราเป็นฝ่ายถูกกดดันทางการเมืองในเวทีระหว่างประเทศ
ในช่วงความขัดแย้งก่อนหน้านี้ กัมพูชาใช้กลยุทธ์ระหว่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ไทยกลับต้องเผชิญแรงกดดัน ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ วันนี้ หากไทยเดินเกมโดยไม่มีแผนรองรับชัดเจน อาจกลายเป็นการถูกผลักเข้าสู่กระบวนการสันติภาพที่ไม่เป็นคุณกับตนเอง โดยเฉพาะหากฝ่ายตรงข้ามพร้อมยอมรับความเสียหายมากกว่า และไม่มีปัญหาในการสั่งการเหมือนฝั่งไทย
แม้การหยุดยิงควรเป็นจุดเริ่มต้นของสันติภาพ แต่ไม่ควรเป็นกับดักที่ทำให้ไทยเสียเปรียบ โดยเฉพาะในเวทีระดับนานาชาติ ที่กัมพูชาพยายามดึงให้ข้อพิพาทกับไทยเข้าไปสู่การพิจาณาของศาลโลก ซึ่งกัมพูชาเชื่อว่าตัวเองได้เปรียบ
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
