พายุไซโคลน ถล่มเพื่อนบ้าน ไทยเสี่ยงแค่ไหน?
จับตาพายุไซโคลนลูกใหม่ ผลกระทบต่อประเทศไทย
ประเทศไทยในช่วงนี้ต้องจับตาและติดตามสถานการณ์พายุดีเปรสชันที่ก่อตัวขึ้นในอ่าวเบงกอล ซึ่งมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไซโคลน แม้ไม่ได้เคลื่อนเข้าสู่ไทยโดยตรง แต่จะส่งผลกระทบทางอ้อมให้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดทางภาคเหนือและภาคตะวันตกของประเทศ
พายุไซโคลนในอ่าวเบงกอล
วันที่ 25 พ.ค. มีพายุดีเปรสชันบริเวณอ่าวเบงกอลตอนกลาง กำลังเคลื่อนทางทิศเหนือ คาดว่าจะทวีกำลังขึ้นเป็นพายุไซโคลนในวันเดียวกัน โดยสำนักงานอุตุนิยมวิทยาอินเดียได้ประกาศเตือนภัยระดับสีแดงบริเวณชายฝั่งรัฐเบงกอลตะวันตกแล้ว คาดว่าพายุจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศบังคลาเทศในช่วงวันที่ 26-27 พ.ค.
ผลกระทบต่อไทย ฝนตกหนักและน้ำท่วม
แม้พายุไซโคลนจะไม่ได้เข้าสู่ไทยโดยตรง แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้และคลื่นลมในทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักบริเวณด้านตะวันตกของประเทศ
กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ ตาก แม่ฮ่องสอน และภาคกลาง คือ กาญจนบุรี ราชบุรี ต้องระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในช่วงวันที่ 24-26 พ.ค.
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ประเมินพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขังในช่วงวันที่ 25-31 พ.ค. ครอบคลุม 32 จังหวัดทั่วประเทศ ประกอบด้วย 16 จังหวัดภาคเหนือ 7 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 จังหวัดภาคตะวันออก 4 จังหวัดภาคตะวันตก และ 2 จังหวัดภาคใต้
ผลกระทบต่อสภาพอากาศในประเทศ
นอกจากจะทำให้มีฝนตกหนักแล้ว พายุลูกนี้ยังส่งผลให้สภาพอากาศในบางพื้นที่เปลี่ยนแปลง เช่นที่จังหวัดเชียงราย มีฝนตกต่อเนื่องทำให้อากาศเย็นลง วัดอุณหภูมิได้ 23 องศา การสัญจรบนท้องถนนก็ยากลำบากเพราะพื้นเปียกลื่น ต้องระมัดระวังอุบัติเหตุโดยเฉพาะรถจักรยานยนต์
ส่วนที่จังหวัดนครราชสีมา ฝนที่ตกช่วยเติมน้ำให้กับเขื่อนมูลบนที่แห้งแล้งมานาน ทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นเป็น 56.45 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 40% ของความจุ และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก แหล่งท่องเที่ยวอย่างแก่งวังกระทะและแก่งท่าเรไรก็กลับมามีสายน้ำใสไหลผ่านอีกครั้ง ชาวบ้านเริ่มหาปลามาเป็นอาหารเพิ่มรายได้
พายุไซโคลนที่อ่าวเบงกอล แม้ไม่ได้เคลื่อนตรงเข้าไทย แต่จะส่งผลให้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันตกของประเทศ ซึ่งจะเสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในช่วงนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องเฝ้าระวังและแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยล่วงหน้า พร้อมเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือหากเกิดเหตุฉุกเฉิน ประชาชนควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักและคลื่นลมแรงในระยะนี้
อ้างอิง
กรมอุตุนิยมวิทยา: ประกาศเตือนเรื่องฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.): ประกาศเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง