NDR เทิร์นอะราวด์ ปูพรมธุรกิจโฮลดิ้ง
#NDR #ทันหุ้น – NDR มั่นใจครึ่งปีแรก 2567 ผลงานเทิร์นอะราวด์แรง หลังโค้งแรกพลิกกำไร 156.90% ส่วนแนวโน้ม Q2 ติดเครื่องวิ่งต่อ ล่าสุดบอร์ดไฟเขียว เพิ่มทุนขาย PP ให้ EG บริษัทยักษ์ใหญ่ในมาเลเซีย ฟากบอสใหญ่ “ชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา” เดินหน้าธุรกิจสู่โฮลดิ้ง
นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี. รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NDR เปิดเผยว่า ทิศทางธุรกิจครึ่งปีแรก 2567 บริษัทไม่กังวลต่อผลประกอบการ เบื้องต้นคาดว่าครึ่งปีแรก 2567 ผลประกอบการจะเทิร์นอะราวด์ เพราะในไตรมาส 1/2567 บริษัทพลิกมีกำไร 4.33 ล้านบาท จากปีไตรมาส 1/2566 ขาดทุน 7.61 ล้านบาท หรือมีกำไร 11.95 ล้านบาท คิดเป็นเทิร์นอะราวด์ 156.90%
// ครึ่งแรกสดใส
ขณะที่ทิศทางไตรมาส 2/2567 บริษัทคาดว่าจะเติบโตดีให้ลักษณะคล้ายกับไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ทำให้บริษัทไม่กังวลต่อภาพรวมธุรกิจครึ่งปีแรก 2567 แต่ในครึ่งปีหลัง 2567 อาจต้องติดตามเรื่องต้นทุนวัตถุดิบ อาทิ ยางพารา เพราะราคาปรับตัวขึ้นสูง รวมถึงค่าแรงที่กำลังจะปรับขึ้นเช่นเดียวกันอาจส่งผลต่อต้นทุนผลิตโดยรวม
สำหรับภาพรวมธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางนอก และยางในรถจักรยานยนต์ในประเทศอยู่ที่ระดับทรงตัว ไม่หวือหวา เพิ่มขึ้นหรือลดลง เพราะซัพพลายลดลง อีกทั้งดีมานด์ไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ผู้ประกอบการรายอื่น อาทิ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ก็ไม่ได้ขยายกำลังผลิตเพิ่มขึ้น ส่วนบริษัทเองก็ยังคงกำลังผลิตอยู่ที่ 70% ตั้งแต่ปีก่อน
ขณะที่กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจบริษัทให้ความสำคัญเรื่องการควบคุมต้นทุน ซึ่งบริษัททำมาตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ผ่านมา รวมถึงการปรับโครงสร้างการขายสินค้าที่สร้างอัตรากำไร หรือมาร์จิ้นสูงให้มีสัดส่วนมากขึ้นโดยสัดส่วนการขายสินค้ามาร์จิ้นสูงมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกไตรมาส หากเทียบกับปีก่อน สินค้ากลุ่มนี้โตเฉลี่ย 5% บริษัทจึงพยายามผลักดันสินค้าให้มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
// จ้องธุรกิจใหม่
บริษัทเดินหน้าธุรกิจ โดยพยายามต่อยอด และลงทุนธุรกิจอื่น นอกเหนือจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางใน ยางนอกรถจักรยานยนต์ เพราะอุตสาหกรรมยางไม่สามารถเติบโตแบบก้าวกระโดดได้ แต่สามารถสร้างรายได้ระยะยาวได้อย่างสม่ำเสมอ บริษัทจึงมีเป้าหมายจะเป็น Holding Company เพื่อลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง เพื่อต่อยอดการเติบโตและสร้างการเติบโตให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
สำหรับแผนธุรกิจในปีนี้ บริษัทคาดผลการดำเนินงานน่าจะสามารถพลิกฟื้นกลับมาเทิร์นอะราวด์ได้ โดยวางเป้ารายได้อยู่ที่ 900-950 ล้านบาท เนื่องจากการขยายพอร์ตสินค้าHigh Margin มากขึ้น ขณะที่ประเมินแนวโน้มในครึ่งปีแรกเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังคงติดตามความเสี่ยงเรื่องต้นทุนวัตถุดิบ
ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทแบบกำหนดวัตถุประสงค์ในการใช้เงินทุน จำนวน 110,000,000 ล้านหุ้น จากทุนจดทะเบียนเดิม 346,891,630 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 456,891,630 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท เพื่อรองรับการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทให้กับบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) คือ บริษัท EG Industries Berhad จำนวน 110,000,000ล้านหุ้น เสนอขายในราคาหุ้นละ 1.80 บาท
// ฐานทุนแข็งแกร่ง
โดยวัตถุประสงค์ในการเพิ่มทุนครั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีแนวโน้มการขยายตัวทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งแผนการลงทุนในอนาคต ซึ่งการเพิ่มทุนครั้งนี้จะช่วยเสริมให้บริษัทมีฐานเงินทุนแข็งแกร่ง และมีความพร้อมสำหรับการดำเนินงานในอนาคต
ทั้งนี้ บริษัท EG Industries Berhad หรือ EG เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศมาเลเซีย ดำเนินธุรกิจอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งถือเป็นอันดับต้นๆ ของบริษัทในมาเลเซียในการให้บริการการผลิตอุปกรณ์และการออกแบบการผลิตด้วยโซลูชันแบบครบวงจรเต็มรูปแบบ
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการยังมีมติอนุมัติจัดตั้ง บริษัทย่อย คือ บริษัท เอ็กซ์โทรนิค จำกัด มีทุนจดทะเบียน 66 ล้านบาท โดย NDR ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99% เพื่อดำเนินธุรกิจ Testing House ให้กับอุปกรณ์ 5G ซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังเป็นขาขึ้น ทั้งนี้คาดว่าบริษัทดังกล่าวจะเริ่มสร้างรายได้ในปี 2568โดยจะมีกลุ่มลูกค้าจากผู้ถือหุ้นรายใหม่ และกลุ่ม Global 5G Equipment