BPPดีลซื้อโรงไฟฟ้าก๊าซ เป้ากำลังผลิต5.3พันเมก

#BPP #ทันหุ้น – BPP จ่อซื้อกิจการโรงไฟฟ้าก๊าซในสหรัฐ ชัดเจนครึ่งปีแรก หวังดันรายได้-กระแสเงินสดปีนี้โตต่อเนื่องหลังปี 2566 ทำนิวไฮ พร้อมมุ่งลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาด-ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ตั้งงบลงทุนปีนี้ 500ล้านดอลลาร์ คงเป้ากำลังผลิต 5.3 พันเมกะวัตต์ ปี 2568 จากปัจจุบันที่ 3.62 เมกะวัตต์

ดร.กิรณ  ลิมปพยอม  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนเข้าไปซื้อกิจการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐเพิ่ม เนื่องจากเป็นโรงไฟฟ้าที่มีศักยภาพในการเพิ่มรายได้ปี 2567 ให้เติบโตไม่น้อยกว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้เติบโต (CAGR) เฉลี่ย 52%ต่อปี และเป็นโรงไฟฟ้าที่สร้างกระแสเงินสดที่ดีให้กับบริษัท สะท้อนจากเดือนกรกฎาคม 2566 ที่ได้เข้าไปซื้อโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple II ซึ่งเป็นกำลังผลิตตามสัดส่วนของบริษัทอยู่ที่ 337.5เมกะวัตต์ ทำให้กระแสเงินสดปี 2566 ของบริษัททำสถิติสูงสุดใหม่1.2 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษา 3-4 โครงการ โดยจะเข้าไปถือหุ้นสัดส่วน 25-30% ซึ่งจะต้องมีขนาดเมกะวัตต์ตามสัดส่วนการถือหุ้นอย่างน้อย 100-200 เมกะวัตต์ คาดว่าจะมีความชัดเจนในการลงทุนภายในครึ่งปีแรก 2567 นอกจากนี้บริษัทมีแผนในการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานสะอาดในแถบเอเชียตะวันออกเฉียง โดยธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานสะอาดมีหลายธุรกิจ เช่นธุรกิจขนส่งพลังงาน ธุรกิจสายส่ง ธุรกิจเก็บกักพลังงาน แบตเตอรีฟาร์มฯลฯ

*ลงทุน 500 ล้านดอลล์

สำหรับงบลงทุนปี 2567 บริษัทตั้งไว้ที่ 500ล้านดอลลาร์ ในการซื้อกิจการโรงไฟฟ้าก๊าซลงทุนพลังงานสะอาดและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยแหล่งเงินทุนส่วนหนึ่งจะมาจากกระแสเงินสด และการจัดหาแหล่งเงินทุนที่เหมาะสม โดยบริษัทจะคุมให้หนี้สินต่อทุน (D/E) ไม่เกิน 1.5เ ท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 0.44 เท่า

“ในปี 2566 บริษัทมีรายได้ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 3.04หมื่นล้านบาท และมีกระแสเงินสดที่ 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งทำสถิติสูงสุดใหม่เช่นกัน โดยปีนี้การที่จะทำให้รายได้เติบโตไม่น้อยกว่าในอดีตที่ผ่านมา บริษัทจำเป็นต้องมีการซื้อกิจการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเข้ามาเพิ่ม”

ดร.กิรณ กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าหมายกำลังผลิตแตะ 5.3 พันเมกะวัตต์ ในปี 2568 แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปที่ใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (HELE)และโรงพลังงานความร้อน อยู่ที่ 4,500 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันอยู่ที่ 3,247เมกะวัตต์ และที่เหลือ 800 เมกะวัตต์ เป็นพลังงานสะอาด จากปัจจุบันที่มี 395 เมกะวัตต์ ซึ่งเห็นได้ว่าจากนี้การลงทุนบริษัทจะเน้นการลงทุนพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงานมากขึ้นในอนาคต

*ตั้ง “อิศรา” นั่งซีอีโอ

อย่างไรก็ตาม BPP ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรภายในผู้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนองค์กรและการดำเนินตามแนวทางการวางแผนและพัฒนาผู้สืบทอดตำแหน่สำคัญ (Succession planning and high potential management) ของกลุ่มบ้านปู โดยคณะกรรมการบริษัทมีมติให้นายอิศรา นิโรภาส ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BPP มีผลในวันที่ 2 เมษายน 2567 โดยส่วนตัวไปดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (Chief Operation Officer: COO) ของบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU