เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index แกว่ง Sideways to Sideways Up ในกรอบ 1,540-1,560 จุด จากสัญญาณทางเทคนิคที่เป็นบวกมากขึ้นระยะสั้นหลังยืนปิดเหนือ 1,545 จุด ขณะที่กลุ่มธนาคารคาดยังหนุนตลาดจากกำไร 2Q22 โดยรวมที่ออกมาฟื้นตัวตามคาด ขณะที่การประชุม ECB วานนี้ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.5% สูงกว่าตลาดคาด ซึ่งอนุมานได้ว่ากนง.มีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ่นกว่าที่ตลาดประเมิน การฟื้นตัวระยะสั้นอาจยังถูกจำกัดจากความกังวลโอกาสเกิด Recession ของฝั่งสหรัฐฯและยุโรปที่ยังคงอยู่ และยังต้องตามตัวเลขเงินเฟ้อว่าจะปรับลงเร็วหรือไม่
อย่างไรก็ตามยังคงมุมมองบวกต่อ Set Index ระยะกลาง-ยาวตามเศรษฐกิจที่เร่งตัวโดยเฉพาะการท่องเที่ยวที่จะเข้า High Season ใน 4Q22 หนุนค่าเงินบาทพลิกมาแข็งค่า เรายังเน้นลงทุนในหุ้น Value Play ที่ Valuation ถูกกว่าช่วงก่อน COVID-19 นอกจากนี้หุ้นที่มีแนวโน้มกำไร 2Q22 โดดเด่นคาดว่าจะ Outperform ตลาดช่วงนี้
กลยุทธ์ : เก็งกำไรงบ 2Q22 และหุ้น Value Play // ถือรอทำกำไรหลังฟื้นตัวจากแนวรับ 1,520+- จุด
หุ้นเด่นเดือนก.ค. : CK, CPN, GFPT, KTB, MAKRO
หุ้นเด่นวันนี้ : NSL
• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 21 บาท
• คาดกำไร 2Q22 ทำ New High +9% Q-Q, +204% Y-Y ตามรายได้ที่ฟื้นแข็งแกร่งตามการ Reopening เปิดเรียน และนักท่องเที่ยวกลับมา หนุนยอดขายแซนวิชอบร้อนใน 7-11 หนุน Utilization Rate สูงขึ้นชดเชยต้นทุนที่เพิ่มได้
• แนวโน้มเดือน ก.ค. ยังสดใสต่อเนื่อง คาดกำไรยังโตแรง Y-Y ส่วน Q-Q อาจชะลอบ้างตามปัจจัยฤดูกาล ก่อนเร่งขึ้นใน 4Q22 อีกครั้งจาก High Season คาดกำไรปีนี้ +30% Y-Y และ +15% Y-Y ปี 2023
• แนวรับ 16.60//16.20-16 บาท แนวต้าน 17.50//18 บาท
**บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ประเมินดัชนีฯ มีโอกาสปรับตัวขึ้น การประกาศงบที่ออกมาดีช่วยหนุนตลาดหุ้นไทย และต่างประเทศ(สหรัฐฯ)
ต่างประเทศเป็นช่วงของการรายงานผลประกอบการกลุ่มเทคฯ และกลุ่มธนาคารที่ออกมาดี รวมถึงของไทยด้วย จึงเป็นตัวช่วยพยุงตลาดหุ้น
สถานการณ์ยูเครน ในเรื่องสินค้าเกษตรดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทางสงคราม รัสเซียยังมีการประกาศขยายเป้าหมายใหม่นอกเหนือดอนบาส จากหลังที่สหรัฐฯ มีการส่งอาวุธช่วยเหลือยูเครน โดยภาพรวมบรรยากาศยังดูอึมครึม
เงินบาทมีการอ่อนค่าแตะ 37 บาท/ดอลลาร์วานนี้(21) โดยไม่ได้กระทบกระเทือนตลาดหุ้นไทย นักลงทุนยังมีการเข้าซื้อหุ้น โดยเป็นการ Rotate กลุ่มเล่น
การเมืองของไทย ติดตามการปรับ ครม. และการประชุมสภาฯ ที่จะมีการลงมติ ในวันที่ 23 ก.ค. ซึ่งเรามองว่าการลงมติจะผ่านไปได้ด้วยดี
หุ้นเพิ่มทุน IRPC, MBK, PPPM และ TNDT ทำการซื้อขายวันนี้เป็นวันแรก
ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ ตัวเลขส่งออกของไทย
Strategy
ตลาดมีแรงซื้อกลับ แต่ด้วยเข้าใกล้การประชุม FOMC สัปดาห์หน้า(26-27 ก.ค.) ตลาดยังเหมาะกับการจับรอบสั้น โดยเน้นหุ้นที่ราคาลงมามากๆ
หุ้นราคาลงมาลึก และมีการดีดกลับในช่วง 2 วันที่ผ่านมา จับสัญญาณเก็งกำไร อาทิ SINGER, GLOBAL, NER, BEC
หุ้นที่จะดีจากการที่จีนกลับมากระตุ้นเศรษฐกิจ และสหรัฐฯเตรียมช่วยอุตสาหกรรมผลิต Chip หุ้นได้ประโยชน์ อีเล็คทรอนิคส์(KCE, HANA) logistics (WICE, LEO) เดินเรือ(PSL, RCL)
หุ้นในพอร์ตวันนี้เรานำ NEX* ออก และเพิ่มหุ้น BEC, KCE เข้ามาแทน พอร์ตหุ้นวันนี้ประกอบด้วย BEC(10%), KCE(10%) , WICE(10%), BGRIM(10%), PSL(10%), MINT(10%), BANPU(10%)
Strategy Stock Pick
BEC: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 13.50 บาท) “เก็งหุ้นกลุ่ม Media สายลงลึก และอยู่ใน Top Rating”
• แนะนำทยอยซื้อสะสม BEC เก็งหุ้นลงลึก ช่อง 3 ครองอันดับ Top 3 ช่อง Rating ไว้ได้ตลอดในปี 22 ล่าสุด Rating เดือน มิ.ย. ใน กทม. ขึ้นอันดับ 1 และประเมินรายได้โฆษณาดีขึ้น
• ประเมินกำไรผ่านต่ำสุดของปีใน 1Q22 (Low Season+ยังไม่เปิดเมือง) สถิติเม็ดเงินเงินโฆษณารวม 6M22 เติบโต 8%YoY ในช่วงที่เหลือของปีลุ้นการฟื้นต่อ
• KTBST ประเมินกำไรสุทธิปี 2022-2023 ที่ 1 พัน ลบ. และ 1.3 พัน ลบ. +39%YoY และ +25%YoY ตามลำดับ
Technical : SABUY, TNPC
**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินดัชนี SET ทรงตัวในกรอบแนวรับ 1,535 – 1,540 แนวต้าน 1,550 – 1,560 ถูกกดดันค่าบาทอ่อนค่า และสัปดาห์หน้ามีวันหยุดยาว แนะนำซื้อ SCB,KTB / JMT, JMAT, COM7 และ GFPT,TFG (+ส่งออกอาหารและเงินบาทอ่อนค่า)
JMT* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 87.00 บาท) แนวโน้ม 2Q65 ยังเติบโต QoQ, YoY หนุนจากขนาดพอร์ตหนี้เสียที่ขยายตัว รวมถึงสถานการณ์ COVID ที่คลี่คลายทำให้สามารถติดตามหนี้ได้ดีขึ้น ทั้งนี้ใน 2H65 จะเห็นภาพการเติบโตต่อเนื่องจากการเข้าซื้อหนี้เสียเพิ่มขึ้น หนุนากภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบาง ทำให้สถานการณ์ของ NPL มีโอกาสเพิ่มขึ้น การเก็บหนี้เพิ่มขึ้นหลังการสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้สถาบันการเงิน ประกอบกับการเริ่มรับรู้รายได้จาก JK AMC (ธุรกิจ AMC ที่ร่วม JV กับ KBANK) โดย KBANK มีแผนโอนขายหนี้ NPL ให้ JK AMC จำนวน 50,000 ล้านบาท ภายในปี 65 ส่วนธุรกิจประกันคาดจะกลับมาทำกำไรได้เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเคลมประกันลดลง ตลาดคาดกำไรปี 65 ที่ 2.2 พันล้านบาท (+57%YoY) และปี 66 ที่ 3.1 พันล้านบาท (+41%YoY) ตามลำดับ
KKP* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 77.59 บาท) งวด 2Q65 บริ้ษัทเผยกำไร 2,033 ลบ. (-1.07QoQ,+50%YoY) รวมครึ่งปีสะสมกำไรสุทธิแล้วกว่า 4,088 ลบ. เพิ่มขึ้น 45.1% เมื่อเทียบปีก่อนหน้า ทำให้มองปีนี้มีโอกาสเติบโต สาเหตุหลักจากรายได้ฝั่งดอกเบี้ยที่เติบโต +18% YoY และค่าธรรมเนียมสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นตามยอดสินเชื่อที่เริ่มขยายตัว รวมถึงการฟืนตัวทางเศรษฐกิจทำให้ตั้งสำรองลดลง ขณะที่ต้นทุนและค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นบ้างจากการส่งเสริมการขายและโฆษณา ตลาดคาดปีนี้ P/E ราว 7.72 เท่า, PBV ราว 1.01 เท่า โดยมองอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนที่ดีขึ้นจากปีก่อน 3.77%สู่ 4.68%