สธ.ขนทีมเรียกคืนความเชื่อมั่น ยันโควิดระลอก2คุมได้ ไม่ใช่พื้นที่เสี่ยงใช้ชีวิตปกติ

ปลัด สธ.นำทีมผู้บริหารเปิดโต๊ะแถลง ยันพร้อมรับโควิด-19 เรียกความเชื่อมั่นคืน หลังเกิดเหตุทหารอียิปต์-ลูกทูตซูดาน มั่นใจระลอก 2 คุมได้ รับผู้ป่วยได้พันคนต่อวัน เตรียมพร้อมการรักษาเตียง ยา หน้ากาก ชุดป้องกัน ตรวจแล็บ ยันไม่ปิดทั้งจังหวัด จะปิดเฉพาะจุด ปชช.พื้นที่อื่นใช้ชีวิตได้ปกติ แต่ต้องยกการ์ดสูง

วันนี้ (16 ก.ค.) นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วยรองปลัด สะ.และอธิบดีกรมต่างๆ ร่วมกันแถลงข่าวยืนยันความพร้อมรับมือโรคโควิด-19 หลังจากมีกรณีทหารอียิปต์ติดเชื้อเที่ยวห้าง และกรณีลูกสาวอุปทูตชาวซูดาน โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เข้าร่วมรับฟังอยู่ด้านหลังห้องแถลงข่าว

นพ.สุขุมกล่าวว่า ช่วงที่เจอโรคโควิด-19 แรกๆ เราไม่มีอะไรเลย ทั้งความพร้อม ความรู้ แต่ทำได้จากความร่วมมือกันทุกฝ่าย ทั้งบุคลากร และประชาชน ทุกวันนี้เราไม่มีผู้ป่วยหนักในโรคนี้หรือต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ มีการพัฒนาทางการแพทย์ ที่สำคัญตอนนี้เรามีการเตรียมความพร้อม ใส่หน้ากาก ล้างมือ เลี่ยงเข้าที่ชุมชน ต้องยอมรับว่า โรคโควิด-19 อาจจะพบได้และคงไม่ได้หายไปจากประเทศ หากจะเกิดระลอก 2 เราก็มีความพร้อม เรารับผู้ป่วยได้ 1,000 รายทั่วประเทศต่อวัน มีเตียง ยา แพทย์ บุคลากร และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เจ้าหน้าที่ทุกระดับ ทั้งในและนอก สธ. โดยจะควบคุมให้ผู้ป่วยรายใหม่อยู่ประมาณ 1-2 รายต่อวัน.

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า การรับเชื้อเข้ามามักเป็นการนำเข้าเชื้อจากต่างประเทศ ซึ่งเรามีระบบกักกัน อย่างไรก็ตาม การสวมหน้ากากอนามัยเป็นเรื่องสำคัญ หากไม่ใส่หน้ากากทั้งคู่ โอกาสแพร่เชื้อประมาณ 70% เมื่อใส่ทั้งคนติดเชื้อและไม่ติดเชื้อ เวลาเจอกันโอกาสแพร่เชื้อเหลือ 1.5%

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ประชาชนมีความรู้และพร้อมที่จะร่วมรับมือ ในอนาคตอาจจะมีการพบผู้ติดเชื้อ แต่เราจะตรวจจับให้เร็ว ควบคุมในวงจำกัด อย่างกรณี จ.ระยอง ระบบเราตรวจจับได้ ส่วนการรถชีวนิรภัยพระราชทานลงไปตรวจค้นหาเชื้อ วันที่ 14 ก.ค. ตรวจ 1,336 คน ผลเป็นลบทั้งหมด และวันที่ 15 ก.ค. ตรวจ 1,252 คน เชื่อว่าจะเป็นผลลบเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เราเลือกที่จะจัดการเป็นจุด ปิดเฉพาะจุดที่เป็นการแพร่ระบาด ไม่ได้ปิดพื้นที่หรือทั้งจังหวัด อย่าง จ.ระยอง ก็ไม่ต้องปิดอะไรมากมายทั้งจังหวัด เพราะคนจังหวัดระยองก็ไม่ได้มีความเสี่ยงทั้งหมด สามารถใช้ชีวิตปกติ แต่การ์ดต้องสูง

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า เรามีการเตรียมความพร้อมหากจะมีการระบาดระลอก 2 อย่างเตียง ปัจจุบันมีรองรับ 22,052 เตียงทั่วประเทศ รับคนไข้เป็นพันคนได้ หมุนเวียนในช่วง 14 วัน ยังไม่รวม Hospitel ที่เคยเปิด แต่ปิดไปหมดแล้ว เพราะสถานการณ์ดีขึ้น ทั้งนี้ ในส่วนของ กทม.มี 2,471 เตียง ทั้งรัฐและเอกชน ปัจจุบันเรารับคนไข้ 77 เตียง บางรายอยู่ในไอ.ซี.ยู. แต่ไม่ใช่โรคโควิด เป็นเพียงผู้ป่วยเข้าเกณฑ์แต่มีอาการแทรกซ้อนอื่น ส่วนคนไข้โควิดส่วนใหญ่ไม่มีอาการหรืออาการน้อย

นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือเกราะป้องกัน ซึ่งเราเตรียมพร้อม ทั้งหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ที่ผลิตได้วันละ 3 ล้านกว่าชิ้น จัดสรรให้ระบบสาธารณสุข 1.74 ล้านชิ้น หน้ากาก N95 มีประมาณ 1.7 ล้านชิ้น ชุดป้องกัน PPE ราว 1 ล้านชุด ซึ่งเราสามารถผลิตชุดแบบช้ซ้ำได้ 20 ครั้ง ส่วนยารักษาอย่างยาฟาวิพิราเวียร์ มีใช้ทั้งสิ้น 6 แสนกว่าเม็ด ซึ่งใช้ได้เกือบหมื่นเคส

ส่วนยาเรมเดซิเวียร์มีการเตรียมและใช้อยู่บ้าง ใช้ไป 33 เคสในข้อบ่งชี้มีความรุนแรงของโรค ซึ่งยานี้จะผลิตที่อินเดียและจะมีการขึ้นทะเบียนกับ อย.ใน ก.ค.นี้ ส่วนวัคซีนปัจจุบันไทยมี 7 ตัวที่ดำเนินการ มี 2 ตัวที่ชัดเจน คือ ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และไบโอเนท เอเชีย อยู่ในกระบวนการที่จะมาสู่การทดลองในคน โดย อย.จะดูทุกขั้นตอนทั้งผลิตภัณฑ์วัคซีน หรือโรงงานที่ผลิต เพื่อให้มั่นใจว่าปลอดภัย มีประสิทธิผล และคุณภาพ

นพ.โอภาส การ์ยกวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ไทยมีความพร้อมเรื่องการเตรียมการตรวจเชื้อ และปัจจุบันขยายเครือข่ายห้องปฏิบัติการตรวจเชื้อกว่า 200 ห้องปฏิบัติการทั้งรัฐและเอกชน และจะขยายเพิ่มอีก โดยที่ผ่านมาตรวจได้ประมาณ 652,000 ตัวอย่าง ซึ่งเราตรวจเจอคิดเป็น 0.4% หมายถึงศักยภาพในการหาเคสของไทยถือว่าดี และขณะนี้เราก็พัฒนาน้ำยาตรวจได้เอง และกำลังพัฒนาวิธีตรวจใหม่ๆ อย่างน้ำลาย เป็นต้น