เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

#ทันหุ้น-บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index ยังแกว่ง Sideways โดยระยะสั้นอาจจังหวะ Rebound ได้บ้างหลังปรับตัวลงแรงพอสมควร 2 วันติดต่อกัน และเริ่มมีแรงซื้อกลับจากแนวรับจิตวิทยา 1,400 จุด บรรยากาศการลงทุนโดยรวมยังเงียบเนื่องจากไม่มี Indicator จากฝั่งสหรัฐฯที่ปิดทำการ ตัวเลข Core CPI ญี่ปุ่นเดือน ต.ค. ออกมาเร่งขึ้นจากเดือนก่อนเป็น +2.9% y-y แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อยที่ +3% y-y ขณะที่ PMI ของยูโรโซนเดือน พ.ย. โดยรวมฟื้นตัวขึ้นจากเดือน ต.ค. แต่ยังคงต่ำกว่าระดับ 50 สะท้อนภาพเศรษฐกิจที่ยังอยู่ในทิศทางชะลอ 

ส่วนปัจจัยในประเทศสัปดาห์หน้ารอติดตามตัวเลขส่งออกไทยเดือน ต.ค. และการประชุมกนง.ซึ่งประเด็นหลักอยู่ที่การปรับประมาณการเศรษฐกิจลง อย่างไรก็ตามเรายังคงคาดหวังเศรษฐกิจไทยจะทยอยฟื้นตัวเร่งตัวเริ่มต้นใน 4Q23-2024 ยังคงมองการปรับลง -10% ของดัชนีในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาและ -16% YTD สะท้อนปัจจัยลบทั้งการปรับประมาณการกำไรบจ.และ De-rated Valuation ไปมากพอสมควร ทำให้ระดับดัชนี 1,400 จุดหรือต่ำกว่าคาดว่าจะมี Downside จำกัดมากขึ้น เรายังมองจังหวะพักตัวลงเป็นโอกาสทยอยสะสมเพื่อถือลงทุนระยะกลาง-ยาว 

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่โมเมนตัมกำไร 4Q23-2024 แข็งแกร่งและ PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid // รอจังหวะสะสมเพิ่มหากดัชนีปรับลงหากรอบล่างในกรณีแย่ของเราที่ 1,320-1,360+- จุด

หุ้นเด่นเดือน พ.ย.:  AOT, BH, CENTEL, CPN, SISB

หุ้นเด่นวันนี้ : ADVANC

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus 258.21 บาท

• โมเมนตัมกำไร 4Q23 คาดว่ายังปรับตัวแข็งแกร่งต่อเนื่องจาก High Season คาดช่วยหนุนราไยด้ให้ยังเติบโตดี รับรู้ยอดขาย iPhone15 เต็มไตรมาส รวมถึงได้อานิสงส์จากค่าไฟที่ปรับลง

• ระยะยาวมองบวกต่อภาพการแข่งขันที่เอื้อต่อการทำกำไรมากขึ้นทั้งธุรกิจมือถือและเน็ตบ้าน หลัง TRUE-DTAC ควบรวม และ ADVANC เข้าซื้อ 3BB ด้าน Consensus คาดกำไรปี 2023-24 ที่ 2.9 หมื่นลบ. +11% y-y และ 3.09 หมื่นลบ. +7% y-y ตามลำดับ 

• แนวรับ 215-212 บาท แนวต้าน 220-222//228-230 บาท

**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ มีแนวโน้มอ่อนตัวลง นักลงทุนชะลอการลงทุนรอข่าวบวก ฝรั่งขายหุ้นต่อเนื่อง ด้านตลาดหุ้นต่างประเทศ ตลาดหุ้นส่วนใหญ่แกว่งในกรอบแคบๆ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ หยุดในวันขอบคุณพระเจ้า แต่ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญๆ รายงานไปก่อนหน้านี้แล้ว

• จีน เตรียมออกมาตรการช่วยเหลือ ผู้ประกอบการอสังหา บางราย (50 ราย) เม็ดเงินราว $4.4 แสนล้านเหรียญ เป็นข่าวบวกต่อตลาดจีน  และทำให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดเอเซียดีขึ้น

• อิสราเอล-ฮามาส จะหยุดยิงวันนี้ แลกตัวประกัน 50 คน ที่ฮามาสจับตัวไป และ 150 คน ที่อิสราเอลจะคืนให้กับฮามาส ข่าวนี้ ทำให้ความกังวลเรื่องสงครามลดลง ราคาน้ำมัน จะมีค่า war premium ลดลงด้วย (ลบ)

• การพยายามออกกฎเกณฑ์ เพื่อควบคุมการซื้อขายของทางการ (SET+ก.ล.ต.) เพื่อป้องกันการ short sell กระทบตลาด  โดยล่าสุด ข่าวใน Bloomberg รายงานว่า ก.ล.ต.เตรียมห้ามคนไทยซื้อขาย NVDR แม้จะดีต่อ BBL, KBANK แต่จะกระทบบรรยากาศโดยรวมของตลาด และอาจเป็นเหตุผลให้นักลงทุนต่างประเทศ ยังไม่ซื้อไทย เหมือนตลาดเอเซียแห่งอื่นๆ

• event และตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ   DSI แถลงความคืบหน้าเรื่อง MORE และ STARK

Strategy

• ตลาดเจอแรงขายหุ้นใหญ่หลายตัว นักลงทุนต่างประเทศยังอยู่ในฝั่งขายด้วย ทำให้ต้องมาดูว่า ที่ดัชนีฯ 1400 จุด จะรับไหวหรือไม่ วันนี้วันสุดท้ายของสัปดาห์ กลยุทธ์ควรเล่นด้วย time frame ที่สั้นลง จนกว่าดัชนีฯ จะกลับมาอยู่ในกรอบ 1410-1420 จุดอีกครั้ง

• หุ้นมีปัจจัยเฉพาะตัว หรือราคาลงมาลึก ถูกเลือกขึ้นมาเล่นแทนหุ้น TESG  หุ้นที่น่าเก็งกำไรในวันนี้ CPAXT, SJWD หรือแม้กระทั่งหุ้นที่ราคาลงมาลึก อย่าง AOT และ JMT

• หุ้นในพอร์ตวันนี้ เรานำ AAI, BCH, KCE ออก และนำ COM7, AOT, BBL เข้ามาในพอร์ต หุ้นในพอร์ตวันนี้ ประกอบไปด้วย COM7(10%), AOT(10%), BBL(10%), TOP(10%), KTB(10%)

Strategy Stock Pick

COM7 : (เป้าเชิงกลยุทธ์ 24.50 บาท)   “ ราคาปรับลงมาพอดีกลับการปรับกำไรลง  ”

• ราคาหุ้นปรับตัวลงมาตามกำไรที่ต่ำกว่าคาด จน Forward P/E เกือบจะแตะ low เดิมที่ 15 เท่า แล้ว ขณะที่ เรายังเล็งว่า รัฐบาลอาจมีการออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายออกมา ซึ่งจะเป็นบวกต่อบริษัทฯ

• แนวโน้มผลการดำเนินงาน 4Q23E ที่ขยายตัว YoY/QoQ หนุนโดยการเข้าสู่ช่วง high season, ไม่มีปัญหา iPhone ขาดตลาดเหมือน 4Q22 ที่ Foxconn มีการปิดโรงงาน และ GPM ที่จะเพิ่มขึ้น จากสำรองสินล้าสมัย iPhone เครื่อง Demo ที่รับรู้ไปแล้วใน 3Q23

• บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 3Q23 ที่ 611 ล้านบาท (-16% YoY, -13% QoQ) ต่ำกว่าตลาดคาด -23%

• สินค้าไอที มีการเปลี่ยนแปลงเร็ว และบาง Item ไม่ได้ขายได้ตลอดเวลา กำไรจึงมีขึ้นๆลงๆบ้าง โดย COM7 เคยทำกำไร peak ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โอกาสที่จะกลับไปถึงจุดเดิมคงต้องใช้เวลา

Technical:   PRI, PSL 

**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมิน SET Index เคลื่อนไหว sideways ไร้ปัจจัยบวกเข้ามาหนุน มีแนวรับ 1,390 แนวต้าน 1,420 แนะนำทยอยซื้อหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการกระตุ้นอสังหาฯ จีน PTTGC, IRPC, IVL, SCGP, NER, STA กลุ่ม Bond Yield ลด MTC, TIDLOR, SINGER กลุ่ม Defensive ตลาดผันผวน ADVANC, INTUCH, BCH

SJWD* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 18.70 บาท) บริษัทรายงานกำไร 3Q66 ที่ 140 ล้านรบาท +8%QoQ, +25%YoY หนุนจากรายได้ที่เติบโตและอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้น ช่วยชดเชยค่าใช่ใช้จ่าย Oe-time ที่มาจากการรับโอนกิจการของ SCGL จำนวน 97 ล้านบาท และขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนได้ทั้งหมด แนวโน้ม 4Q66 คาดกำไรเร่งตัวขึ้นต่อเพราะไม่มีรายการพิเศษดังกล่าว ขณะที่ธุรกิจหลักจะได้แรงหนุนจากธุรกิจบริหารคลังสินค้า ห้องเย็น เนื่องจากการความต้องการใช้บริการรับฝากและบริหารยานยนต์ที่เพิ่มขึ้นจาก EV Car และอัตราการเช่าพื้นที่คลังสินค้าห้องเย็นสำหรับอาหารทะเล รวมถึงธุรกิจขนส่งรายได้จะเห็นการฟื้นตัวขึ้นตามความต้องการขนส่งถ่านหินหลังจากราคาในตลาดโลกทยอยลดลงและการขนส่งซีเมนต์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูการก่อสร้าง ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 66-67 อยู่ที่ 766 ล้านบาท (+52%YoY) และ 1.15 พันล้านบาท (+51%YoY)

TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมายปี67 17.80 บาท) กำไรสุทธิงวด 3Q66 อยู่ที่ 1,206 ลบ.-52.34%YoY, +17.23%QoQ เห็นการฟื้นตัวได้ต่อเนื่องชัดเจน QoQ  ได้แรงหนุนจาก 1.ยอดขายธุรกิจ PetcareและValue-added +19%QoQ และ 2.ต้นทุนราคาปลาทูน่าที่อ่อนตัวลงจากระดับ 2,000 usd/ton สำหรับการดำเนินงานในช่วงถัดไปเราคาดหวังว่าจะเห็นการฟื้นตัวได้ต่อในช่วง 4Q66 โดยนอกจากประเด็นการกลับมาสั่งซื้อสินค้าของลูกค้าแล้ว(เดิม inventory คู่ค้าอยู่ในระดับสูง) ปัจจัยหนุนการฟื้นตัวยังจะมาจาก 1.ต้นทุนปลาทูน่าที่เห็นการอ่อนตัวลงมาอย่างต่อเนื่องโดยราคา skip jack tuna ในเดือน 10 อยู่ที่ 1,600 usd/ton และ 2.การเปิดตลาดใหม่ๆของธุรกิจ Petcare โดยเฉพาะในจีน ปัจจุบัน เราคาดกำไรสุทธิปี66 และ ปี67 ของ TU ที่  4,588 ลบ.(-35.72%YoY) และ 6,318ลบ.(+37.70%YoY)