รอง ผบช.ภ.4 เผย ทนายเพจดังเตรียมแจ้งความ 2 แม่ลูกแหกด่าน-ไลฟ์สดด่าตำรวจ
เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2565 จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจภูธรบ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น เข้าตรวจค้นรถกระบะอีซูซุ สีขาว หมายเลขทะเบียน ผบ 9710 ขอนแก่น หลังแหกด่านตรวจ ปรากฏว่าชายวัยรุ่นมาพร้อมกับมารดา หยิบโทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปขณะเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน กล่าวหาว่าตำรวจมาค้นรถทั้งที่ตั้งด่านจราจรเฉยๆ ไล่จับรถตนอย่างกับจับยาบ้า พูดจาไม่ดี รังแกประชาชน ตนแค่แหกด่านจราจรเฉยๆ เสียเวลาทำมาหากิน ตำรวจต้องกล่าวว่าบันทึกไว้เป็นหลักฐาน จะแจ้งหมิ่นประมาทด้วย ภายหลังไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่ไม่มีใบขับขี่ จึงนำตัวไปพบร้อยเวร สภ.บ้านเป็ด เพื่อดำเนินคดี ก่อนที่นายอภิสรา (ขอสงวนนามสกุล) พร้อมมารดา ซึ่งเป็นสองแม่ลูกเจ้าของรถกระบะ จะนำกระเช้าดอกไม้มอบให้ตำรวจ สภ.บ้านเป็ด จ.ขอนแก่น โดยมีตำรวจจราจรในวันเกิดเหตุร่วมรับช่อดอกไม้ดังกล่าว เพื่อแสดงความขโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กล่าวรุนแรงไป เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 พ.ค.65 ที่ผ่านมา ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ต่อมา เฟซบุ๊ก “พระจันทร์ ลายกระต่าย” ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “แค่มันถือกระเช้าเเล้วมากล่าวคำขอโทษก็จบหรือครับ ศักดิ์ศรีของลูกน้องถูกเหยียดขนาดนี้ยังไม่คิดปกป้อง วันนี้ผมจะให้ฝ่ายกฎหมายไปกล่าวโทษที่ท่านละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ #แหกด่านบ้านเป็ด”
ขณะเดียวกันชาวเน็ตได้มีการแคป หน้าจอการตอบคอมเมนต์ของนายอภิสรา ในกลุ่มที่ชื่อว่า “ขอนแก่นมีด่านบอกด้วย แจ้งข่าว” ระบุว่า “ก็โดนจับไปบ้านเป็ด คุยกับผู้กอง คนบ้านเดียวกัน แกก็ไม่ได้ว่าอะไรก็ปล่อยกลับบ้าน” เมื่อถามว่าเสียค่าปรับอะไรไหม เจ้าตัวตอบว่า “ไม่เสียครับ” นอกจากนี้ ยังมีภาพที่นายอภิสรา ถ่ายรูปคู่กับตำรวจจราจรที่ขับรถ ซึ่งคาดว่าไปที่โรงพัก ระบุว่า “คนจับกับคนโดนจับ ตอนจับก็จะโหดๆ หน่อย สนิทกันแล้ววันหลังไม่ต้องไล่นะ มีคนเดียวชอบแหก” ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในทำนองว่า ผู้ก่อเหตุไม่ได้สำนึกผิด ในทางกลับกันกับแสดงความเห็นราวกับว่า ตนเองมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น ๆ รวมทั้งมีการโจมตีว่า เหตุใดผู้บังคับบัญชาระดับสูงในพื้นที่เกิดเหตุ จึงไม่ป้องป้องศักดิ์ศรีของตำรวจผู้ปฏิบัติงานใต้บังคับบัญชา
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้สอบถามกรณีนี้กับ พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค4 ในฐานะโฆษกตำรวจภูธรภาค4 เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านเป็ด ได้มีการเปรียบเทียบปรับตามความผิด และผู้ก่อเหตุก็ได้เข้ามาขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุแล้ว โดยเป็นการมาขอโทษถึง 2 ครั้ง พร้อมกับยอมรับผิดต่อสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามต่อมาได้เกิดประเด็นตามที่เพจเฟซบุ๊กเพจหนึ่ง ได้ตั้งคำถามต่อการปกป้องศักดิ์ศรีเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ปฏิบัติงานที่ถูกผู้ก่อเหตุด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ซึ่งในเบื้องต้นได้มีการติดต่อพูดคุยกับทางเพจดังกล่าวและได้ทำความเข้าใจกับเจ้าของเพจแล้ว โดยทางเพจดังกล่าวแจ้งว่า จะส่งตัวแทนหรือทนายความ เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเอาผิดกับผู้ที่ก่อเหตุ แม้ว่าผู้ก่อเหตุจะนำกระเช้ามาแสดงความขอโทษตำรวจแล้วก็ตาม ซึ่งทางตำรวจก็ไม่ได้ขัดข้องหากทางเพจประสงค์ที่จะแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุดังกล่าว