โคตรไต้ฝุ่นแรงสุดของปีนี้ โคนีซัดฟิลิปปินส์อย่างดุ ลมหมุน-น้ำหลาก
โคตรไต้ฝุ่นแรงสุดของปีนี้ - ซินหัว รายงานว่า สำนักงานอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์ระบุว่า ซูเปอร์ไต้ฝุ่น โคนี พายุไต้ฝุ่นที่รุนแรงที่สุดในปีนี้สำหรับประเทศฟิลิปปินส์ ได้พัดขึ้นฝั่งที่ภูมิภาคบีโคล ทางใต้สุดของเกาะลูซอน ซึ่งเป็นเกาะหลักของฟิลิปปินส์ เมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 1 พ.ย. ขณะที่สื่อฟิลิปปินส์ ABS-CBN รายงานว่า พบผู้เสียชีวิตแล้วเป็นชาวบ้านที่เมืองกีโนบาตัน
https://www.youtube.com/watch?v=wsn3kLmu1S8
สำนักงานบริการด้านบรรยากาศ ธรณีฟิสิกส์ และดาราศาสตร์ (PAGASA) รายงานว่า ไต้ฝุ่นโคนี ทวีความรุนแรงเป็นซูเปอร์ไต้ฝุ่นเมื่อเวลา 02.00 น. ด้วยความเร็วลมสูงสุด 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
https://www.youtube.com/watch?v=wHe0wHy9Lwo
จากนั้นเพิ่มความเร็วลมกระโชกสูงสุดที่ 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขณะพัดถล่มเมืองบาโต (Bato) จังหวัดคาตันดัวเนส เกาะทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะลูซอน เมื่อเวลาประมาณ 04:50 น. แล้วเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกด้วยความเร็ว 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ก่อนหน้านี้ ทางการอพยพประชาชนกว่า 1 ล้านคนไปยังที่หลบภัย โดยเฉพาะในภูมิภาคบีโคล เนื่องจากเกรงว่าอาจเกิดอุทกภัยเป็นวงกว้าง รวมถึงเหตุดินถล่ม และมีคลื่นสูงถึง 3 เมตร
ส่วนที่กรุงมะนิลาปลดป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่อยู่ตามถนน เนื่องจากเกรงว่าลมแรงอาจพัดพาให้ป้ายล้มลงและทำให้ผู้คนบาดเจ็บ
ซูเปอร์ไต้ฝุ่นโคนี เป็นพายุหมุนหรือพายุไซโคลนลูกที่ 18 ที่พัดถล่มฟิลิปปินส์ในปีนี้ และเคลื่อนซัดต่อจากไต้ฝุ่น เมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้ อันส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 22 ราย ทั้งยังทำลายสิ่งก่อสร้างและพืชผล
โคนีจะพัดผ่านจังหวัดเกซอนและพื้นที่อื่นๆ ทางตอนใต้ของกรุงมะนิลา และอาจอ่อนกำลังลงเมื่อพัดเข้าใกล้เมืองหลวง ก่อนจะมุ่งหน้าสู่ทะเลจีนใต้ในช่วงเช้าวันจันทร์
ด้านสำนักข่าว เอพี รายงานว่า การรับมือไต้ฝุ่นโคนีเป็นเหมือนอัพการรับศึกสงครามที่สร้างความตึงเครียดให้เจ้าหน้าที่ทางการมาก เพราะเดิมฟิลิปปินส์เผชิญกับการระบาดของโรคโควิด-19 หนักอยู่แล้ว ด้วยยอดสะสมผู้ติดเชื้อ 380,000 คน เสียชีวิต 7,221 ราย
รัฐบาลจำเป็นต้องจัดศูนย์พยาบาลไว้แยกต่างหาก เนื่องจากโรงพยาบาลเต็มไปด้วยคนไข้มากอยู่แล้ว อีกทั้งต้องเตรียมมาตรการช่วยคนยากจนมากกว่า 20 ล้านคนในประเทศ
พายุไต้ฝุ่นและพายุโซนร้อนมักพัดถล่มฟิลิปปินส์ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงเดือนธันวาคม ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยรายและสร้างความเสียหายหลายพันล้านดอลลาร์
+++++
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :