เตือนภัย ตร.บรบือ รวบสาวแสบเพิ่งพ้นคุก 3 เดือน ขับมอไซด์ตะเวนชักดาบ-ขโมยทรัพย์สิน
มหาสารคาม – เตือนภัย ตร.รวบสาวแสบเพิ่งพ้นคุกได้ 3 เดือน ขับมอไซด์ตะเวนชักดาบ สั่งข้าว เสริมสวยไม่จ่าย พร้อมขโมยทรัพย์สินหลายพื้นที่ นำเงินมาซื้อยาบ้า
ที่งานสืบสวน สถานีตำรวจภูธรบรบือ จ.มหาสารคาม พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ อุดมชัย รองผกก.สืบสวน สภ.บรบือ พร้อมด้วย พ.ต.ต.สืบวงศ์ สุดหนองบัว สว.สส.สภ.บรบือ ร.ต.อ.สมศักดิ์ นารถสิทธิ์ รอง สว.สส.สภ.บรบือ ร.ต.อ.สมบัติ ยางคำ รอง สว.สส.สภ.บรบือ และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.บรบือ ร่วมกับจับกุม นางสาวนิภาพร จันทร์โสม อายุ 31 ปี พร้อมด้วยของกลาง กระเป๋าสตางค์สีชมพู 1 ใบ บัตร ATM 1 ใบ และรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ สีดำแดง 1 คัน โดยแจ้งข้อกล่าวหา ลักทรัพย์หรือรับของโจรโดยใช้ยานพาหนะ
พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ อุดมชัย รองผู้กำกับสืบสวน สถานีตำรวจภูธรบรบือ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา ผู้ต้องหารายนี้ได้ทำทีไปสั่งก๋วยเตี๋ยวที่ร้านอาหารร้านหนึ่งที่บ้านหนองกุง ตำบลวังไชย อ.บรบือ โดยสั่งก๋วยเตี๋ยวทั้งหมด 30 ถุง บอกว่าจะเอาไปให้คนงาน พอเจ้าของร้านไปทำอาหารให้ ก่อนฉวยโอกาสขโมยกระเป๋าสตางค์ไป จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.บรบือ ก่อนที่จะมีการแชร์ข้อความบนโลกออนไลน์ว่ามีกรณีที่ผู้ต้องหารายนี้ทำทีไปทำผมที่ร้านเสริมสวย ไม่ยอมจ่ายเงิน
แถมยังขโมยทรัพย์สิน ตลอดจนไปสั่งอาหารแล้วไม่มารับ อีกไม่ต่ำกว่า 4-5 ร้าน ในหลายพื้นที่ เช่น อ.เมืองมหาสารคาม อ.นาเชือก อ.นาดูน อ.พยัคฆภูมิพิสัย และอำเภอเมืองร้อยเอ็ด โดยเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหาได้ไปพักอาศัยอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในอำเภอบรบือ จึงได้ออกไปตรวจสอบพบผู้ต้องหายืนอยู่ที่หน้าห้อง จึงได้แสดงตัวขอตรวจค้น โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดจริง จึงได้แจ้งข้อหาลักทรัพย์หรือรับของโจรโดยใช้ยานพาหนะ ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ผู้ต้องหาได้ก่อเหตุลักทรัพย์และไม่ยอมจ่ายค่าทำผมที่ร้านแห่งหนึ่งในเขตอำเภอบรบือ โดยอ้างกับผู้เสียหายขอติดรถเข้าทำธุระในเขตอำเภอเมืองมหาสารคามด้วย แล้วไปก่อเหตุลักทรัพย์ในท้องที่ สภ.เมืองมหาสารคาม และยังทราบอีกว่าผู้ต้องหารายนี้ได้ก่อเหตุในหลายพื้นที่ จึงขอให้ผู้เสียหายไปแจ้งความร้องทุกข์ได้ในท้องที่ที่เกิดเหตุ เพื่อที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้อายัดตัว และแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป
นางสาวนิภาพร จันทร์โสม ผู้ต้องหา เล่าว่า ตนเองเพิ่งออกจากเรือนจำมาเพียง 3 เดือน ยังไม่ได้ทำงาน โดยติดคุกในคดียาเสพติดนาน 11 ปี หลังจากพ้นโทษออกมาก็ขับรถจักยานต์ตระเวนก่อเหตุไปเรื่อย ไม่ได้เลือกว่าจะเป็นร้านเสริมสวย หรือร้านอาหารตามสั่ง ซึ่งปกติถ้ามีเงินก็จะทำผมอยู่แล้ว แต่หากสบโอกาสที่จะลักทรัพย์ได้ก็จะทำ รู้ตัวว่าสักวันหนึ่งคงจะโดนจับได้ เงินที่ได้ก็นำไปซื้อยาบ้ามาเสพ ถ้ามีเงินจะไปซื้อมาเป็นถุงหรือเป็นมัด เสพครั้งละ 20-30 เม็ด
ด้านนางสาวปิยาพร ฉายแสง เจ้าของร้านเสริมสวยแห่งหนึ่งในอำเภอบรบือ หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า คนร้ายได้เข้ามาทำผมที่ร้านเวลาประมาณ 09.00 น. เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยให้ทำสีผมให้ เมื่อทำเสร็จแล้วคนร้ายได้ขอให้ทำเล็บต่อ แต่พฤติกรรมคือจะขอยืมโทรศัพท์อยู่เรื่อย ๆ 4-5 ครั้ง ซึ่งตนก็ปลดล็อกโทรศัพท์ให้ตลอด พอลูกค้าเข้าหลายคน แต่คนร้ายก็ยังขอยืมโทรศัพท์ ตนจึงบอกรหัสคนร้ายไป ซึ่งตลอดเวลาที่อยู่ที่ร้านคนร้ายก็พูดคุยปกติ แต่คุยเรื่องมีการรับส่งยาบ้า ซึ่งตนก็ไม่ได้สนใจ ต่อมาพี่สาวได้โทรมาหาขอให้พาเข้าไปหาหมอในตัวเมืองมหาสารคาม คนร้ายก็ขอติดรถไปด้วย ด้วยความที่ยังไม่ได้เงินค่าทำผม เป็นเงิน 1,300 บาท และคนร้ายอ้างว่าจะไปถอนเงินที่ธนาคารให้ ตนจึงยอมให้ติดรถมาด้วย โดยคนร้ายอ้างว่าแฟนจะขับรถเก๋งตามมา
จากนั้นระหว่างทางมีตำรวจตั้งด่าน ปรากฎคนร้ายก็อ้างว่ารถของแฟนโดนจับ ให้ไปส่งพี่สาวที่คลินิกหมอก่อน แล้วย้อนกลับไปที่ด่านตรวจ พร้อมขอยืมเงินตน 600 บาท เพื่อไปเสียค่าปรับ แต่ตนบอกว่ามีแค่ 300 จึงได้ให้ไป ก่อนจะกลับไปรับพี่สาว ซึ่งตนก็เอะใจ แต่ก็คือยังไม่ได้เงินค่าทำผม และคิดว่าคนร้ายจะไปถอนเงินให้ จากนั้นคนร้ายก็บอกอีกว่าอยากจะขอบคุณที่ช่วยเหลือ และจะเลี้ยงข้าว จึงได้พากันไปกินอาหารที่ร้านแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคาม
พี่สาวของตนวางกระเป๋าสตางค์ไว้บนโต๊ะ คนร้ายเลยเลือกที่จะไปนั่งข้างพี่สาว ส่วนรถเก๋งคนที่อ้างว่าแฟนขับตามมา ให้จอดรอที่นอกร้าน ตนก็ยังใจดีบอกให้ชวนแฟนมานั่งด้วย แต่คนร้ายก็บอกว่าไม่เป็นไรให้อยู่รอในรถ และคนร้ายยังบอกให้ตนสั่งไก่ให้อีก 3 ตัว ก่อนจะเดินข้ามถนนไปพร้อมกับไก่สามตัว และหลบหนีไป สรุปตนเองและพี่สาวสูญเสียทรัพย์สินเป็นกระเป๋าสตางค์ เงินในกระเป๋า บัตรต่าง ๆ โทรศัพท์มือถือ ค่าทำผม ทำเล็บ และค่าอาหารที่บอกว่าจะเลี้ยงก็ไม่ได้เลี้ยง รวมเป็นเงินกว่าหมื่นบาท จึงได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองมหาสารคาม