ภาวะเงินเฟ้อ 'ลาว' เดือนก.ย. ยังสูง เหตุราคาอาหาร-สินค้านำเข้าปรับขึ้น

เวียงจันทน์, 7 ต.ค. (ซินหัว) -- ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของลาวลดลงในเดือนกันยายน เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งเพิ่มความยากลำบากแก่ประชาชนที่พยายามนำพาตนเองหลุดพ้นจากความยากจน

รายงานจากสำนักงานสถิติแห่งชาติลาวระบุว่าดัชนีซีพีไอในเดือนกันยายนยังคงอยู่ที่ระดับ 114.97 จุด ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 4.63 ลดลงจากร้อยละ 5.84 ของเดือนสิงหาคม โดยหนังสือพิมพ์เวียงจันทน์ ไทม์ส รายงาน (7 ต.ค.) ว่าอัตราเงินเฟ้อได้รับแรงหนุนจากราคาอาหารและสินค้านำเข้าประเภทอื่นที่สูงขึ้น เนื่องจากลาวนำเข้ามากกว่าส่งออกความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดภาวะค่าครองชีพสูงเกินจริงในลาว

เนื่องจากผู้ทำการค้าจำนวนมากพึ่งพิงตลาดมืด (parallel market) เพื่อซื้อสกุลเงินต่างชาติที่ต้องการสำหรับการนำเข้าสินค้าส่วนการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ยังส่งผลกระทบเชิงลบต่อการส่งออก การไหลเข้าของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการลงทุนจากต่างชาติในลาว ซึ่งถือเป็นแหล่งที่มาหลักของรายได้จากสกุลเงินต่างประเทศของลาวนอกจากนั้นผลิตภาพภายในประเทศไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควร เนื่องจากลาวต้องนำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์อื่นเป็นจำนวนมาก

ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาสินค้า และลาวยังซื้อสินค้าประเภทอาหาร รวมถึงอาหารทะเล เป็นจำนวนมากจากกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบกับฤดูฝนทำให้เกษตรกรไม่สามารถเพาะปลูกพืชผลได้เพียงพอต่อความต้องการของตลาดธนาคารแห่งสปป. ลาว (BOL) ระบุว่าเมื่อปี 2019 อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 3.32 ก่อนจะสูงขึ้นเป็นร้อยละ 6.94 เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และลดลงมาที่ร้อยละ 6.24 ในเดือนกุมภาพันธ์ ร้อยละ 6.14 ในเดือนมีนาคม ร้อยละ 5.84 ในเดือนเมษายน ร้อยละ 5.46 ในเดือนพฤษภาคม ร้อยละ 5.28 ในเดือนมิถุนายน ร้อยละ 5.12 ในเดือนกรกฎาคม

และไต่ระดับเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 5.84 ในเดือนสิงหาคมสำนักงานฯ ระบุว่าค่าเงินกีบของลาวในเดือนกรกฎาคมลดลงร้อยละ 4.29 เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และลดลงร้อยละ 10.3 เมื่อเทียบกับค่าเงินบาท หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนรัฐบาลลาวพยายามควบคุมราคาอาหารที่พุ่งสูงด้วยการผลักดันผลิตภาพภายในประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อลดความจำเป็นนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ แต่ปริมาณสินค้าที่ผลิตในลาวยังคงไม่สอดรับกับความต้องการของตลาด และสินค้าประเภทอาหารจำนวนมากยังคงต้องนำเข้าจากไทย