"วิศารท์ พจน์ประสาท" ตัวแทนคนไทยเข้าร่วมงาน 'ICBC 2024'
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 67 นายวิศารท์ พจน์ประสาท ประธานบริหารนิคมอุตสาหกรรมกัญชาทางการแพทย์แห่งประเทศไทยและประธานเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนนิคมสมุนไพรสัมพันธ์ตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมนายวิศรุต ฤทธิเลิศ และนายสมาน เรืองวุฒิชนะพืช ได้เดินทางเข้าร่วมงาน International Cannabis Business Conference (ICBC 2024) ณ โรงแรม Estrel Convention Center ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีโดยมี นางสาวพัชรา รัตนบุปผา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเบอร์ลิน เข้าร่วมงานและให้แนวทางการค้าระหว่างประเทศถึงแนวทางการจัดตั้งบริษัท ข้อกฏหมาย การค้าระหว่างประเทศ เพื่อให้นักธุรกิจไทยได้นำไปพิจารณา
โดยภายในงาน นายวิศารท์ พจน์ประสาท ได้กล่าวว่า วันนึ้ทางนิคมอุตสาหกรรมกัญชาทางการแพทย์แห่งประเทศไทยและเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนนิคมสมุนไพรสัมพันธ์ตะวันตก จังหวัดกาญจนบุรี ได้มาร่วมงาน ICBC ตั้งแต่ปี 2022 จนถึงปี 2024 โดยประเทศไทยได้รับเกียรติเชิญทุกปีจาก CEO Mr. Alex Rogers ผู้จัดงาน ICBC เพื่อร่วมการประชุมหารือแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นรวมถึงการประเมินสถานะการกัญชาในระดับโลก ว่าทิศทางและธุรกิจกัญชามีแนวโน้มมากขึ้นหรือลดลง รวมถึงความแปรผันอื่นๆที่เกิดขึ้นในแต่ละประเทศ และวันนี้ได้ข้อสรุปว่า เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2024 ที่ผ่านมา สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ได้ออกกฏหมายว่าด้วยการจัดการกับผู้บริโภคกัญชา Consumer Cannabis Act โดยมีสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค ซึ่งมีสาระสำคัญกับการใช้กัญชากับประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยสามารถครอบครองช่อดอกแห้งได้ไม่เกิน 25 กรัมต่อคน และส่วนการปลูกในครัวเรือนจะอนุญาตได้ 3 ต้นต่อครัวเรือน และต้องทำการปกปิดให้มิดชิด ห้ามนำเข้าโดยเด็ดขาด เป็นการใช้ในประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป และผู้บริโภคต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลอย่างชัดเจน
ส่วนทางการแพทย์ได้มีการกำหนดสาระสำคัญของสาร CBD THC รวมถึงกลุ่มอายุผู้ใช้ โดยสามารถอนุญาตให้นำเข้าได้จากต่างประเทศ ถือว่าเป็นโอกาสอันดีของธุรกิจกัญชาไทยหากมีความประสงค์จะดำเนินการเกี่ยวกับช่อดอกแห้งและสารสกัด ซึ่งจะต้องมีมาตรฐานเมล็ดพันธุ์ สายพันธุ์ มาตรฐานการปลูกโดยมีการรับรองที่ประเทศไทยและมาตรฐานการรับรองจากสหภาพยุโรป ทั้ง GACP Standard, EU GMP ซึ่งเกี่ยวกับมาตราฐานในการปลูกและการจัดการช่อดอกแห้งก่อนการส่งออก โดยจะต้องเป็นสมาชิกของสมาคมตามที่กฏหมายกำหนด
ซึ่งนิคมอุตสาหกรรมกัญชาทางการแทย์แห่งประเทศไทยได้จัดตั้งบริษัท Cenwha Intertrade ในประเทศเยอรมนี โดยมีการจัดทำแผนธุรกิจเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจกัญชาในสภาพยุโรป เพราะต่อไป สาธารณรัฐเยอรมนีจะกลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจกัญชาในสหภาพยุโรป
จากการประเมินรายได้รวมถึงผู้สนใจในธุรกิจกัญชาในปีนี้พบว่า มีความคึกคักมากกว่า 2 ปีที่ผ่านมา มีการซื้อขายสั่งจองล่วงหน้าเป็นจำนวนมาก ทั้งส่วนอุปกรณ์การผลิต การแปรรูป การทดสอบ มูลค่ารวมมากกว่า สี่พันล้านบาท
แต่ที่น่าสนใจมากที่สุดคือ นวัตกรรมเครื่องมือทางการแพทย์สำหรับการผลิตยารักษาโรคของกัญชา ซึ่งขณะนี้นิคมอุตสาหกรรมกัญชาฯได้ศึกษาวิจัยที่จะนำสารสำคัญไปผลิตยากับผู้ป่วยกลุ่มโรคเบาหวาน และโรคไต ทำให้โอกาสในการดำเนินการทางธุรกิจกัญชาไทยมีมากกว่าทุกประเทศเพราะลักษณะภูมิศาสตร์และกายภาพที่เหมาะสมกับการปลูกพืชกัญชาที่มี THC สูงมากกว่า 30%
ซึ่งวันนี้ได้นำสายพันธุ์ ไทรโยค01 ที่มีคุณลักษณะเด่นไม่ใช่แค่สารสำคัญ THC แต่รวมถึง THCV CBN CBG CBC เป็นสายพันธุ์ที่ทำการปลูก และทดลองภายใต้การควบคุมและดูแลเฉพาะ นับว่าเป็นโอกาสอันดีของประเทศไทย ที่สหภาพยุโรปให้ความสำคัญ เพราะพืชกัญชาจากประเทศไทยมีคุณสมบัติสูงกว่าทุกประเทศทั่วโลก โดยจะยังผลดีไปถึงกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มเกษตรกรผู้ดำเนินการเกี่ยวกับสมุนไพรควบคุม “กัญชา” แต่จะต้องปรับตัวอย่างมาก ในเรื่องมาตรฐานต่างๆ เพื่อให้เข้ากับข้อกำหนดและการควบคุมตามที่กระทรวงสาธารณสุขและรัฐบาลไทยให้ความสำคัญในเรื่องของกัญชาทางการแพทย์ ส่วนผู้สนใจข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ www.cenwha.com
ส่วนทางด้าน นางสาวพัชรา รัตนบุปผา ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเบอร์ลิน เปิดเผยว่า รู้สึกตื่นเต้นและภาคภูมิใจ ในตัวนักธุรกิจในกลุ่มกัญชาของไทยที่ได้แสดงศักยภาพได้ประชาสัมพันธ์ธุรกิจกัญชาของไทย ในเวทีสากล โดยเฉพาะในงานICBCที่กรุงเบอร์ลิน สาธารณรัฐเยอรมันในครั้งนี้ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง เราได้ประชาสัมพันธ์ถึงความพร้อมของประเทศไทย ในฐานะที่จะก้าวเป็นผู้นำในธุรกิจกัญชาในอนาคต
ธุรกิจกัญชาในเยอรมันก็เติบโตอย่างก้าวกระโดด เติบโตเรื่อยมา ในช่วง6ปีจะพบว่าปริมาณการนำเข้าของกัญชาเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยในช่วงปี 2017 มีการนำเข้ากัญชา 1,700 กิโลกรัม เท่านั้น และเติบโตเรื่อยมาแบบก้าวกระโดด จนถึงปี 2022 มีการนำเข้ากัญชามีปริมาณถึง 24,000 กิโลกรัม ตัวเลขเหล่านี้เพียงแค่ 6 ปี โตขึ้นมา 14 เท่า ถือเป็นธุรกิจที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง และเมื่อหลังจากที่รัฐบาลเยอรมันได้ผ่านกฎหมายให้ผู้บริโภคสามารถครอบครองกัญชาในทางสันทนาการได้แล้ว ก็เป็นอีกก้าวสำคัญของประเทศเยอรมันที่จะทำให้ธุรกิจกัญชาเติบโตมากขึ้น ปัจจุบันความน่าสนใจของธุรกิจนี้ สะท้อนให้เห็นจากบริษัทสตาทอัพหลายๆแห่งในเยอรมัน เริ่มเข้ามาลงทุนและก้าวเข้ามาในตลาดมากขึ้น
“เหล่านี้เองก็เป็นตัวสะท้อนที่สำคัญวาาธุรกิจกัญชาในเยอรมันมีอนาคตที่สดใสแน่นอน ซึ่งตรงนี้จะเป็นโอกาสที่จะทำให้ผู้ประกอบการไทยและสินค้าของไทยได้เจาะตลาดและก้าวเข้ามาขายในภูมิยุโรปโดยใช้เยอรมันเป็นแพล็ทฟอร์ม” ฑูตพานิชย์ไทยในเยอรมันกล่าวท้ายสุด