รีเซต

ปลดหนี้ แก้หนี้ เชิญทางนี้ เปิดรายละเอียด “คุณสู้ เรา​​​​​​​​ช่วย”เฟส 2 ช่วยคนไทยตั้งตัว เริ่มต้นชีวิตใหม่

ปลดหนี้ แก้หนี้ เชิญทางนี้ เปิดรายละเอียด “คุณสู้ เรา​​​​​​​​ช่วย”เฟส 2  ช่วยคนไทยตั้งตัว เริ่มต้นชีวิตใหม่
TNN ช่อง16
9 กรกฎาคม 2568 ( 08:00 )
10

เปิดรายละเอียด โครงการ "คุณสู้ เราช่วย " เฟส 2

 

โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ระยะที่ 2 เริ่มขึ้นแล้ว เป็นโครงการใหญ่ที่หลายหน่วยงานสำคัญของไทยจับมือกัน ทั้งกระทรวงการคลัง  สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)  ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)  สมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารนานาชาติ  สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจที่มิใช่สถาบันการเงิน (Non-Banks) บางแห่ง 


ทั้งนี้หลักการต่างๆ ยังยึดหลักสำคัญๆ เช่นเดียวกับโครงการฯ ระยะที่ 1  คือ การหวังช่วยแก้หนี้ให้กับคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง หวังให้กลับมาตั้งตัวได้ นอกจากนี้ โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ระยะที่ 2 ถือว่าพิเศษกว่าเดิม เพราะมีการปรับปรุงหรือว่าเพิ่มเงื่อนไขจากของเก่า และยังมีมาตรการใหม่เข้ามาอีกด้วย รวมทั้งสิ้น 3 มาตรการด้วยกัน ได้แก่  


มาตรการที่ 1 “จ่ายตรง คงทรัพย์”

* ล่าสุด ค้างชำระ 1 วันก็ร่วมได้ 

: ช่วยผู้ที่มีหนี้บ้าน หนี้รถ หนี้รถจักรยานยนต์ และหนี้ธุรกิจขนาดเล็กที่มีวงเงินไม่สูงมาก   มีการขยายคุณสมบัติลูกหนี้ จากเดิมให้แค่ ลูกหนี้ที่มีวันค้างชำระเกิน 365 วัน แต่ตอนนี้ลูกหนี้ที่เคยค้างชำระแค่ 1 – 30 วัน  แล ต้องเคยมีประวัติค้างชำระและเคยปรับโครงสร้างหนี้ ตั้งแต่ 1 มกราคม  2565 ก็สามารถร่วมได้ 


เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ไม่ให้โดนยึดบ้าน รถหรือร้านค้าของตนเอง  โดยผ่านการปรับโครงสร้างหนี้  ช่วยลดค่างวดและช่วยลดภาระดอกเบี้ย  ค่างวดที่จ่ายจะนำไปตัดเงินต้นทั้งหมด เพื่อให้ปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น  ส่วนดอกเบี้ยจะถูกตั้งพักไว้เป็นเวลา 3 ปี  และหากผู้เข้าร่วมโครงการปฏิบัติได้ตามเงื่อนไข  ดอกเบี้ยที่พักไว้จะได้รับยกเว้นทั้งหมด หรือหมายความว่าไม่ต้องจ่ายเลย 


โดยลูกหนี้ที่สามารถเข้าร่วมมาตรการได้ ต้องเป็นหนี้หรือมีวงเงินสินเชื่อรวมต่อสถาบันการเงินไม่เกินที่กำหนด  แยกเป็น

สินเชื่อบ้าน / บ้านแลกเงิน (Home for cash) วงเงินรวมไม่เกิน 5 ล้านบาท

สินเชื่อเช่าซื้อ / จำนำทะเบียนรถยนต์ วงเงินรวมไม่เกิน 8 แสนบาท

สินเชื่อเช่าซื้อ / จำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ วงเงินรวมไม่เกิน 5 หมื่นบาท

สินเชื่อธุรกิจ SMEs วงเงินรวมไม่เกิน 5 ล้านบาท

ที่สำคัญหนี้มีอยู่ต้องเป็นการกู้ยืมหรือเป็นสินเชื่อที่ทำสัญญา ก่อนวันที่ 1 มกราคม 2567เท่านั้น 


นอกจากนี้หากร่วมโครงการนี้แล้วต้องเข้าใจว่ามีเงื่อนไขรออยู่ เช่น ลูกหนี้จะไม่ก่อหนี้ใหม่ ภายใน 12 เดือนแรกหลังเข้าร่วมมาตรการ  และจะถูกรายงานข้อมูลในเครดิตบูโร ( NCB ) ว่าเข้าร่วมมาตรการ  และหากทำไม่ได้ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้  เช่น ไม่มีเงินจ่ายค่างวดขั้นต่ำตามที่กำหนด  จะต้องออกจากมาตรการและชำระดอกเบี้ยที่ได้รับการพักไว้


มาตรการที่ 2 “จ่าย ปิด จบ”

* ล่าสุดขยายเพดานภาระหนี้ให้อีก

: สำหรับผู้ที่มีหนี้เสีย และยอดหนี้ไม่สูง รูปแบบการให้ความช่วยเหลือ ลูกหนี้สามารถชำระหนี้บางส่วน  เพื่อให้สามารถจ่าย และปิดจบหนี้ทั้งก้อนได้เร็วขึ้น ล่าสุด คือ ขยายเพดานภาระหนี้ของลูกหนี้บุคคลธรรมดาที่เป็นหนี้เสีย  หรือมีสถานะ NPL เพื่อให้ขยายความช่วยเหลือเพิ่มขึ้นไปอีก 

โดยแบ่งเป็น  

สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน (unsecured loan)  เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต  ขยายเพดานภาระหนี้คงค้างเป็นไม่เกิน 10,000 บาทต่อบัญชี

สินเชื่อที่มีหลักประกัน (secured loan)  ซึ่งได้มีการบังคับหลักประกันแล้ว  ขยายเพดานภาระหนี้คงค้างเป็นไม่เกิน 30,000 บาทต่อบัญชี 


โดยต้องมีวงเงินสินเชื่อไม่เกินกว่าที่กำหนด  คือ วงเงินสินเชื่อบ้าน หรือ สินเชื่อ SMEs ไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อบัญชี 

สินเชื่อรถยนต์ไม่เกิน 800,000 บาทต่อบัญชี 

สินเชื่อรถจักรยานยนต์ไม่เกิน 50,000 บาทต่อบัญชี


มาตรการที่ 3   “จ่าย ตัด ต้น”

* มาตรการใหม่

: สำหรับลูกหนี้บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล  ที่มีหนี้เสียของสินเชื่อไม่มีหลักประกัน (เช่น บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด) รูปแบบการให้ความช่วยเหลือ ให้ผ่อนชำระ 2% ของเงินต้นคงค้างก่อนเข้ามาตรการ ให้มีเงื่อนไขการผ่อนชำระคืนเป็นงวด (term loan) แบบผ่อนปรน  ค่างวดที่จ่ายจะนำไปตัดต้นทั้งหมด  ในส่วนของดอกเบี้ยจะถูกตั้งพักไว้ 3 ปี  และหากปฏิบัติได้ตามเงื่อนไข  ดอกเบี้ยที่พักไว้จะได้รับการยกเว้นทั้งหมด


คุณสมบัติลูกหนี้ที่สามารถเข้าร่วมมาตรการได้ คือ เป็นลูกหนี้บุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่มีสถานะเป็นหนี้เสีย (NPL)  ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 เป็นสินเชื่อไม่มีหลักประกัน (เช่น บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล) ยอดหนี้ ไม่เกิน 50,000 บาทต่อบัญชี สัญญาสินเชื่อทำก่อนวันที่ 1 มกราคม 2567



คำถาม : ลงรอบที่แล้วเฟส 1 ไม่ผ่าน รอบนี้จะลงอีกได้หรือไม่?


คำตอบ : จากแบงก์ชาติหรือธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)  โดย น.ส. สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน เปิดเผยว่า โครงการ “คุณสู้ เราช่วย”  ตั้งแต่เริ่มเปิดโครงการฯ เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567  จนถึงล่าสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568  มีลูกหนี้ที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ ลงทะเบียนทั้งสิ้น 1.4 ล้านราย  ครอบคลุม 1.9 ล้านบัญชี  และจากการสำรวจข้อมูล ณ วันที่ 15 มิถุนายน 2568 พบว่า มีลูกหนี้เข้าร่ว มโครงการฯ ได้  6.3 แสนราย  เป็นยอดหนี้ 4.6 แสนล้านบาท 


ส่วนโครงการคุณสู้เราช่วย ระยะที่ 2  มีลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมมาตรการได้ 1.8 ล้านราย  จำนวน 2 ล้านบัญชี เป็นยอดหนี้คงค้าง 3.1 แสนล้านบาท  โดยลูกหนี้ที่มีความสนใจแก้หนี้  สามารถลงทะเบียนร่วมโครงกา ร ได้ทั้ง ระยะที่ 1 และ ระยะที่ 2  หากมีคุณสมบัติตามเงื่อนไข


สำหรับกรณีที่ลูกหนี้ลงทะเบียนโครงการคุณสู้เราช่วยระยะที่ 1  แล้วถูกปฏิเสธเนื่องจากไม่เข้าเงื่อนไข  จะสามารถลงทะเบียนโครงการคุณสู้เราช่วยระยะที่ 2 ได้หรือไม่  น.ส. สุวรรณี เปิดเผยว่า หากลูกหนี้ไม่เข้าเงื่อนไขของโครงการระยะที่ 1  แต่เข้าเงื่อนไขของระยะที่ 2 สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการใหม่ได้  ยกเว้นกรณีที่ลงทะเบียนระยะที่ 1  แล้วเจ้าหนี้ยังไม่แจ้งผลการพิจารณาในระบบ  โดยเจ้าหนี้จะพิจารณาคุณสมบัติลูกหนี้อีกครั้ง  โดยครอบคลุมคุณสมบัติทั้ง 2 ระยะ โดยลูกหนี้ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่


ขณะที่การเข้าร่วมโครงการจะทำให้ติดประวัติในเครดิตบูโร ซึ่งจะส่งผลเสียกับผู้ที่เข้าร่วมโครงการจริงหรือไม่  น.ส. สุวรรณี เปิดเผยว่า การรายงานข้อมูลในเครดิตบูโร  เป็นการให้ข้อมูลว่าเข้าร่วมโครงการ


หากก่อนเข้าร่วมโครงการติดรหัสเป็น NPL อยู่ แล้วมาเข้าโครงการแล้วสามารถชำระได้ตามเงื่อนไขในงวดแรก ลูกหนี้ก็จะสามารถย้ายรหัสเป็นหนี้ปกติได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับลูกหนี้ 


ประชาชนสามารถดูรายละเอียดและสมัครโครงการได้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย เว็บไซต์ 

  https://www.bot.or.th/khunsoo    

BOT contact center ของ ธปท. โทร. 1213  

เข้าร่วมโครงการฯ ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 30 กันยายน 2568

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง