เงินบาทเช้านี้ 24 พ.ย. 2568 เปิดตลาด “แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย” 32.44 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย ได้ประเมินทิศทางค่าเงินบาท (USDTHB) ประจำสัปดาห์นี้ โดยเปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (24 พ.ย. 68) ที่ระดับ 32.44 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นการ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย จากระดับปิดสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 32.52 บาทต่อดอลลาร์

นับตั้งแต่ช่วงคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินบาทได้พลิกกลับมาทยอยแข็งค่าขึ้นในลักษณะ Sideways Down โดยแกว่งตัวในกรอบ 32.38-32.54 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งสอดคล้องกับการทยอยอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ และจังหวะการรีบาวด์สูงขึ้นของราคาทองคำ (XAUUSD) ปัจจัยหลักมาจากการที่ผู้เล่นในตลาดทยอยปรับเพิ่มความคาดหวังต่อแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟด 

โดยเฉพาะในการประชุม FOMC เดือนธันวาคมนี้ หลังถ้อยแถลงของ John Williams (ประธาน NY Fed) ระบุว่า เฟดมีแนวโน้มเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมในระยะใกล้ อย่างไรก็ดี การแข็งค่าของเงินบาทถูกชะลอลงเล็กน้อย หลังบรรยากาศในตลาดการเงินกลับมาเปิดรับความเสี่ยง ส่งผลให้ราคาทองคำมีจังหวะย่อตัวลงในช่วงเช้าของตลาดเอเชีย

กรอบการเคลื่อนไหวและแนวโน้ม

Krungthai GLOBAL MARKETS มองกรอบค่าเงินบาทสำหรับสัปดาห์นี้ไว้ที่ระดับ 32.10-32.75 บาทต่อดอลลาร์ และคาดว่ากรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วงโมงข้างหน้าจะอยู่ที่ระดับ 32.35 - 32.55 บาทต่อดอลลาร์

แนวโน้มเงินบาทระยะถัดไป ประเมินว่าเงินบาทมีแนวโน้มทยอยแข็งค่าขึ้นในลักษณะ Sideways Down และอาจจบสิ้นปี 2025 แถวโซน 32.00 บาทต่อดอลลาร์ (หรือแข็งค่ากว่าระดับดังกล่าวเล็กน้อย) เนื่องจากประเทศไทยได้เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว ประกอบกับการประเมินว่า เฟดยังมีแนวโน้มเดินหน้าลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งผู้เล่นในตลาดยังไม่ได้มั่นใจต่อแนวโน้มดังกล่าวแบบ Fully Priced-In

อย่างไรก็ตาม เงินบาทยังคงเผชิญความเสี่ยง Two-Way Risk (พร้อมเคลื่อนไหวได้ทั้งสองทิศทาง) ขึ้นอยู่กับการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของเฟด ซึ่งต้องรอลุ้นรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ และรายงานผลสำรวจภาวะเศรษฐกิจโดยบรรดาเฟดสาขาต่างๆ (Fed Beige Book)

ทั้งนี้ เงินบาทอาจมีจังหวะอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้านได้บ้าง แต่คาดว่าการอ่อนค่าจะถูกจำกัดแถวโซนแนวต้าน 32.50-32.65 บาทต่อดอลลาร์ ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์จากผู้เล่นในตลาด หากอ้างอิงกลยุทธ์ Trend-Following เงินบาทจะกลับเข้าสู่แนวโน้มอ่อนค่าอีกครั้งเมื่ออ่อนค่าลงทะลุโซนแนวต้าน 32.65 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน

ทิศทางเงินดอลลาร์

สำหรับเงินดอลลาร์นั้น คาดว่าอาจย่อตัวลงต่อได้ หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญสหรัฐฯ และรายงาน Fed Beige Book ทำให้ผู้เล่นในตลาดกลับมามั่นใจว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม ทว่าเงินดอลลาร์อาจได้แรงหนุน หากเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) อ่อนค่า จากความกังวลเสถียรภาพการคลัง หลังตลาดรับรู้แผนงบประมาณรัฐบาลอังกฤษ