ฝนตกเพิ่มขึ้น! เตรียมรับอิทธิพลหย่อมความกดอากาศต่ำอีกระลอก 5 ต.ค. นี้

นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำ โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ณ อาคารจุฑามาศ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยรองเลขาธิการ สทนช. เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า จากอิทธิพลของพายุ “บัวลอย” ส่งผลให้ในหลายลุ่มน้ำยังคงมีสถานการณ์ฝนตกหนัก โดยในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ลุ่มน้ำน่าน ที่อำเภอน้ำปาดและอำเภอทองแสนขัน จังหวัดอุตรดิตถ์ มีฝนตกมากกว่า 300 มิลลิเมตร
ในขณะที่ลุ่มน้ำยม ที่อำเภอปง จังหวัดพะเยา มีฝนตกมากกว่า 170 มิลลิเมตร ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในหลายพื้นที่
เตรียมรับอิทธิพลหย่อมความกดอากาศต่ำอีกระลอก 5 ต.ค. นี้
พร้อมกันนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) คาดการณ์ว่า หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศฟิลิปปินส์ อาจจะส่งผลให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ช่วงประมาณวันที่ 5 ตุลาคมนี้ ที่ประชุมจึงได้หารือเร่งด่วนเพื่อวางแนวทางบริหารจัดการน้ำในกลุ่มลุ่มน้ำเจ้าพระยาช่วงรอยต่อก่อนสิ้นสุดฤดูฝน เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน
รวมถึงเพื่อให้เขื่อนมีช่องว่างรองรับน้ำหลากและมีปริมาณน้ำสำรองเพียงพอสำหรับฤดูแล้งที่กำลังจะมาถึง โดยมีมติเห็นชอบให้คงอัตราการระบายน้ำของเขื่อนสิริกิติ์ ที่ 15 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ต่อวัน ในช่วง 2- 3 วันนี้ เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำของลุ่มน้ำน่าน บริเวณจังหวัดอุตรดิตถ์ ที่ขณะนี้มีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นค่อนข้างมาก เช่นเดียวกับเขื่อนภูมิพล ยังให้คงอัตราการระบายน้ำที่ 15 ล้าน ลบ.ม. ต่อวัน
อย่างไรก็ตาม เขื่อนทั้งสองแห่งยังคงมีน้ำไหลเข้าต่อเนื่อง และมีแนวโน้มปริมาณน้ำใกล้เต็มความจุ เสี่ยงเกิดน้ำล้น จึงให้ทุกหน่วยงานติดตามประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมปรับเพิ่มการระบายน้ำอีกครั้งให้อยู่ในอัตราที่เหมาะสม
ขณะเดียวกัน ด้วยความจำเป็นในการเร่งระบายน้ำจากภาคเหนือลงสู่พื้นที่ตอนล่างเพื่อลดระดับน้ำในพื้นที่ จึงคาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำไหลผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดนครสวรรค์ ในอัตราประมาณ 2,800 ลบ.ม. ต่อวินาที ซึ่งหากคงการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยาในอัตราปัจจุบันที่ 2,300 ลบ.ม. ต่อวินาที จะส่งผลให้ระดับน้ำเหนือเขื่อนเพิ่มสูงเกิน 17.5 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งอาจทำให้เกิดผลกระทบด้านเหนือเขื่อนและอาจก่อให้เกิดปัญหาต่อความมั่นคงของเขื่อน จึงจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำเป็นอัตรา 2,400 ลบ.ม. ต่อวินาที และจะมีการประเมินปริมาณฝนที่ตกจริงเปรียบเทียบกับค่าคาดการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อควบคุมการระบายน้ำให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อนน้อยที่สุด
นอกจากนี้ จะปรับเพิ่มปริมาณการรับน้ำเข้าสู่ทุ่งลุ่มต่ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่มีการเก็บเกี่ยวแล้วเสร็จและทำประชาคมร่วมกับประชาชนในพื้นที่แล้ว พร้อมทั้งจะมีการระบายน้ำออกจากทุ่งอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะทุ่งบางระกำที่มีปริมาณน้ำจำนวนมาก เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับไปดำรงชีวิตตามปกติได้โดยเร็ว
ทั้งนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และนายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแล สทนช. ได้สั่งการให้ภาครัฐเข้าช่วยเหลือดูแลพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบในทุกพื้นที่อย่างเต็มที่ และแม้ว่าฤดูฝนในปีนี้ประเทศไทยจะได้รับอิทธิพลทางอ้อมจากพายุถึง 5 ลูก
รวมถึงหย่อมความกดอากาศต่ำ ซึ่งใกล้เคียงกับเมื่อปี 2554 แต่ขอยืนยันว่าจะไม่เกิดสถานการณ์อุทกภัยซ้ำรอยอย่างแน่นอน และคาดว่าภายหลังฝนตกหนักจากอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำในระลอกนี้ผ่านไป สถานการณ์จะคลี่คลายลงตามลำดับ โดย สทนช. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งระบายมวลน้ำที่ท่วมขังออกจากพื้นที่โดยเร็ว
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
