รีเซต

พยัคฆ์ไพรลุยรื้อรีสอร์ทม่อนแจ่ม พร้อมส่ง จนท.แจ้งความเพิ่ม หลังบางรายยังรีวิวขายห้องพัก

พยัคฆ์ไพรลุยรื้อรีสอร์ทม่อนแจ่ม พร้อมส่ง จนท.แจ้งความเพิ่ม หลังบางรายยังรีวิวขายห้องพัก
มติชน
9 กรกฎาคม 2563 ( 17:36 )
201
พยัคฆ์ไพรลุยรื้อรีสอร์ทม่อนแจ่ม พร้อมส่ง จนท.แจ้งความเพิ่ม หลังบางรายยังรีวิวขายห้องพัก

พยัคฆ์ไพรลุยรื้อรีสอร์ทม่อนแจ่ม พร้อมส่ง จนท.แจ้งความเพิ่ม หลังบางรายยังรีวิวขายห้องพัก

พยัคฆ์ไพร – เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ที่ จ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกมล นวลใย ผู้อำนวยการสำนักทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 เชียงใหม่ สนธิกำลังชุดพยัคฆ์ไพร เข้ารื้อถอนบ้านพักรีสอร์ท 8 หลัง บนดอยม่อนแจ่ม แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังใน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็น 1 ใน 29 แห่ง ที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีในฐานความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมอาคารฯ โดยเจ้าของอาคารยินยอมให้เจ้าหน้าที่เข้ารื้อถอนแต่โดยดี

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่เตรียมเดินหน้าทำความเข้าใจกับชาวบ้าน และผู้ประกอบการ เพื่อเร่งรื้อถอนรีสอร์ทที่เหลือต่อไป โดยวันที่ 12 กรกฎาคมนี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะเดินทางมาติดตามความคืบหน้าการจัดระเบียบ และแก้ไขปัญหาดอยม่อนแจ่ม ที่มีการใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์ ไม่เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 30 มิถุนายน 2541

นายกมล เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา พบว่ามีผู้ประกอบการบางรายยังโฆษณา และรีวิวเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาท่องเที่ยว และพักผ่อนในสถานที่พักของตนเอง จึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่เดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.แม่ริม กับผู้ประกอบการที่พัก จำนวน 28 ราย เพื่อตักเตือนไม่ให้มีการโฆษณาเชิญชวนอีก และให้เจ้าหน้าที่เร่งทำความเข้าใจกับชาวบ้านในพื้นที่ หลังเจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติการรื้อถอนบ้านพัก และรีสอรท์ที่ถูกแจ้งความดำเนินคดี จำนวน 29 ราย ซึ่งทั้งหมดอยู่ในกระบวนการที่พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการต่อ

“สำหรับ 29 ราย ที่ถูกแจ้งความดำเนินคดี มีการก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างเกินความจำเป็น ก่อสร้างรุกล้ำเข้าไปในเขตป่าเพิ่มเติม หรือบุกรุกพื้นที่ใหม่ รวมทั้ง มีการซื้อขายเปลี่ยนมือ และให้นอมินีเข้ามาถือครอง จึงต้องบังคับใช้กฎหมายให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไป เพื่อฟื้นฟูสภาพพื้นที่ให้กลับมาเป็นป่าสมบูรณ์ดังเดิม โดยหลายรายก็เตรียมที่จะรื้อถอน แต่รายไหนไม่ยอมรื้อถอน ทางราชการจะเข้าไปรื้อถอน และเรียกร้องค่าเสียหายต่อไป จึงขอแจ้งให้ชาวบ้าน และผู้ประกอบการปฎิบัติตามกฎเกณฑ์ และกติกา เพราะก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้ารื้อถอนได้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการนำเอกสารหลักฐานมาโต้แย้งแล้วก่อนจะออกประกาศให้รื้อถอน” นายกมล กล่าว

นายกมลกล่าวอีกว่า ส่วนชาวบ้านที่เหลืออีก 80 กว่าราย จากการตรวจสอบพบยังเป็นผู้ครอบครองเดิม แต่บางรายมีการก่อสร้าง หรือประกอบกิจการที่พัก-รีสอร์ท ซึ่งไม่เป็นไปตามมติ ครม.วันที่ 30 มิถุนายน 2541 ได้ส่งเรื่องให้ฝ่ายปกครองดำเนินการตาม พ.ร.บ.โรงแรมฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมอาคารฯ แล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง