รีเซต

WHO ไม่ตัดประเด็น “เชื้อรั่วไหล” จากแล็บอู่ฮั่น บี้จีนเห็นแก่คนตาย-ร่วมมือหาต้นตอ

WHO ไม่ตัดประเด็น “เชื้อรั่วไหล” จากแล็บอู่ฮั่น บี้จีนเห็นแก่คนตาย-ร่วมมือหาต้นตอ
ข่าวสด
13 มิถุนายน 2564 ( 17:10 )
47
WHO ไม่ตัดประเด็น “เชื้อรั่วไหล” จากแล็บอู่ฮั่น บี้จีนเห็นแก่คนตาย-ร่วมมือหาต้นตอ

 

WHO ไม่ตัดประเด็น - วันที่ 13 มิ.ย. เดลีเมล์ รายงานว่า นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวระหว่างการสรุปการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก หรือจี 7 ที่มณฑลคอร์นวอลล์ ประเทศอังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ 12 มิ.ย.

 

 

โดยย้ำว่าทฤษฎีที่ว่าเชื้อโควิด-19 รั่วไหลจากห้องปฏิบัติการของสถาบันวิจัยไวรัสวิทยาในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ทางตอนกลางของประเทศจีน ยังไม่ถูกตัดออกจากการสันนิษฐานหาต้นตอการแพร่ระบาดของโรค

 

 

 

พร้อมระบุหวังว่ารัฐบาลจีนจะเห็นแก่ผู้เสียชีวิตทั่วโลกและให้ความร่วมมือในการหาที่มาของไวรัสมรณะ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกา มีคำสั่งเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ให้หน่วยข่าวกรองรายงานผลตรวจสอบหาแหล่งที่มาของโรคโควิด-19 ภายใน 3 เดือนข้างหน้า ว่ามาจากสัตว์ที่เป็นพาหะนำโรคสู่มนุษย์ หรือเป็นอุบัติเหตุที่เชื้อรั่วไหลออกจากห้องปฏิบัติการในเมืองอู่ฮั่น

 

เมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ของทฤษฎีเชื้อโควิด-19 หลุดรอดมาจากห้องปฏิบัติการ นพ.กีบรีเยซุสกล่าวว่าตอนนี้ทุกสมมติฐานควรเปิดกว้างสำหรับการหาคำตอบ พร้อมระบุถึงสถานการณ์ในโลกว่ามีผู้ป่วยสะสมอย่างน้อย 174 ล้านคน และเสียชีวิตเกือบ 3.8 ล้านราย

 

 

“ผมคิดว่าผู้เสียชีวิตสมควรได้รับความเคารพด้วยการรับรู้ว่าต้นกำเนิดของไวรัสชนิดนี้คืออะไร เพื่อที่เราจะได้ป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำอีกครั้ง” รัฐบาลจีนยังไม่ได้ให้ความร่วมมือและแสดงความโปร่งใสที่มากพอในกระบวนการตรวจสอบระยะแรก

 

 

“เราต้องการความร่วมมือจากทางการจีน เราต้องการความโปร่งใสเพื่อทำความเข้าใจหรือสามารถค้นหาต้นกำเนิดของไวรัสนี้ได้ เรามีปัญหาในการแบ่งปันข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลดิบ เราหวังว่าขั้นตอนต่อไปในการตรวจสอบจะมีความร่วมมือและความโปร่งใสที่ดีขึ้น” ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกกล่าว

 

 

 

ขณะเดียวกัน ผู้นำชาติจี 7 เตรียมลงนามปฏิญญาอ่าวคาร์บิสซึ่งมีพันธะผูกผันว่าด้วยการป้องกันหายนะทางมนุษยธรรมและเศรษฐกิจจากไวรัสโคโรนาในอนาคต มีสาระสำคัญว่าด้วยการกำหนดขั้นตอนต่างๆ ที่ประเทศสมาชิกจี 7 จะดำเนินการเพื่อป้องกันโรคระบาดใหญ่

 

 

ครอบคลุมถึงการลดเวลาที่ใช้ในการพัฒนา การออกใบอนุญาตวัคซีน การรักษา และการวินิจฉัยโรคใดๆ ก็ตามในอนาคตให้น้อยกว่า 100 วัน มุ่งมั่นร่วมเครือข่ายเฝ้าระวังทั่วโลกและเพิ่มความสามารถในการวิจัยข้อมูลทางพันธุกรรม รวมทั้งสนับสนุนการปฏิรูปและเสริมสร้างความเข้มแข็งขององค์การอนามัยโลก

 

 

ด้านนพ.กีบรีเยซุสกล่าวว่ายินดีกับปฏิญญาอ่าวคาร์บิสว่าด้วยเรื่องสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่โลกเริ่มฟื้นตัวและฟื้นฟูหลังการระบาดของโรคโควิด-19 ด้วยความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ การตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ของโควิด-19 และค้นหาแนวทางแก้ไขร่วมกันเพื่อปิดช่องโหว่จำนวนมากนี้

 

 

องค์การอนามัยโลกมีความยินดียิ่งและจะดำเนินการตามข้อเสนอโครงการโกลบอล แพนเดมิก เรดาร์ ของสหราชอาณาจักร เพื่อค้นหาเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่และติดตามการเกิดขึ้นของโรคใหม่ๆ โลกจำเป็นต้องมีระบบเฝ้าระวังที่แข็งแกร่งขึ้นเพื่อตรวจหาความเสี่ยงจากโรคระบาดและโรคระบาดใหม่

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง