สหรัฐฯ ตรวจสอบวัคซีน 'แอสตราเซเนกา' พบมีประสิทธิภาพป้องกันโควิด-19
วอชิงตัน, 22 มี.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันจันทร์ (22 มี.ค.) สถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ (NIH) เปิดเผยผลการทดลองทางคลินิกขนานใหญ่ในสหรัฐฯ และอเมริกาใต้ ระบุว่าวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ของแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) มีความทนทานและป้องกันโรคโควิด-19 แบบแสดงอาการ รวมถึงป้องกันอาการรุนแรงหรือการรักษาตัวในโรงพยาบาล
คณะกรรมการกำกับดูแลข้อมูลและความปลอดภัย (DSMB) ที่จัดตั้งโดยสถาบันฯ ซึ่งดูแลการทดลองนี้ ระบุว่าไม่พบข้อกังวลด้านความปลอดภัยใดๆ ในวัคซีนเอแซดดี1222 (AZD1222) ของแอสตราเซเนกา หลังจากเริ่มดำเนินการทดลองแบบควบคุมด้วยยาหลอกในเดือนสิงหาคม 2020 กับอาสาสมัครวัยผู้ใหญ่ 32,449 คน ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมการทดลองใน 88 พื้นที่ของสหรัฐฯ ชิลี และเปรู
อนึ่ง ผู้เข้าร่วมทุกสองคนจะมีหนึ่งคนได้รับยาหลอกและอีกคนได้รับวัคซีนเอแซดดี1222 ทำให้มีผู้ได้รับวัคซีนราว 20,000 คน ซึ่งแต่ละคนได้รับวัคซีนคนละ 2 โดส ห่างกัน 4 สัปดาห์
สถาบันฯ ระบุว่าวัคซีนเอแซดดี1222 แสดงประสิทธิภาพที่มีนัยสำคัญทางสถิติสูงถึงร้อยละ 78.9 ในการป้องกันโรคโควิด-19 แบบแสดงอาการ และสามารถป้องกันอาการรุนแรงหรือการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกันพบประสิทธิภาพป้องกันโรคโควิด-19 แบบแสดงอาการสูงถึงร้อยละ 79.9 ในผู้เข้าร่วมอายุ 65 ปีขึ้นไป
คณะกรรมการฯ ทำการตรวจสอบภาวะลิ่มเลือดอุดตันและภาวะหลอดเลือดดำในสมองอุดตันในกลุ่มผู้เข้าร่วม และไม่พบความเสี่ยงภาวะดังกล่าวเพิ่มขึ้นในผู้เข้าร่วมที่ได้รับวัคซีน