อิสราเอลเสี่ยงถูก "คว่ำบาตร" หลังชาติยุโรปและพันธมิตรกดดันหนัก

แรงกดดันจากนานาชาติส่งไปถึงอิสราเอลอย่างต่อเนื่อง หลังจากกองทัพอิสราเอลประกาศขยายปฏิบัติการโจมตีในฉนวนกาซาครั้งใหม่ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตนับร้อยคนในช่วงเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยเมื่อวานนี้ (19 พฤษภาคม) ผู้นำอังกฤษ ฝรั่งเศส และ แคนาดา สื่อสารไปถึงฝั่งอิสราเอลว่าจะใช้มาตรการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมที่รวมไปถึงการ “คว่ำบาตร” หากอิสราเอลยังไม่ยอมหยุดปฏิบัติการทางทหารครั้งใหม่และยังคงปิดกั้นความช่วยเหลือไม่ให้เข้าสู่ฉนวนกาซา
ในขณะที่ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปเรียกร้องอิสราเอลส่งความช่วยเหลือถึงประชาชนในฉนวนกาซาในทันที ส่วนนายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ ของสเปน เรียกร้องให้ถอนอิสราเอลออกจากงานกิจกรรมด้านวัฒนธรรมทั้งหมดซึ่งรวมไปถึงการถอดอิสราเอลออกจากรายการแข่งขันร้องเพลง “ยูโรวิชชัน” (Eurovision) อันโด่งดังของยุโรปด้วย
ปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นครั้งใหม่ของอิสราเอลได้เริ่มขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาในช่วงที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลับจากการเยือนภูมิภาคตะวันออกกลางโดยยังไม่ได้มีการปิดผนึกข้อตกลงหยุดยิงและการแลกเปลี่ยนตัวประกันระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส กองทัพอิสราเอลเรียกปฏิบัติการโจมตีครั้งใหม่นี้ว่าปฏิบัติการ “Gideon’s Chariots” ที่เปิดการโจมตีในหลายพื้นที่ทั่วฉนวนกาซา โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือและภาคใต้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ยังได้ประกาศผ่านคลิปวิดีโอที่มีการเผยแพร่ก่อนหน้านี้ว่าอิสราเอลจะยึดครองดินแดนทั้งหมดของฉนวนกาซาในปฏิบัติการครั้งใหม่นี้ด้วย
ในขณะที่ปฏิบัติการของอิสราเอลดำเนินไปชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในกาซาที่ย่ำแย่มากอยู่แล้วกลับแย่ลงมากกว่าเดิม แม้ว่านายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู จะยอมอนุญาตให้มีการส่งอาหารปริมาณพื้นฐานเข้าสู่ฉนวนกาซา แต่ล่าสุด ทอม เฟลทเชอร์ หัวหน้าฝ่ายมนุษยธรรมของสหประชาชาติออกมาวิพากย์วิจารณ์ว่าการอนุญาตของอิสราเอลไม่ต่างจาก “หยดน้ำในมหาสมุทร” เมื่อเปรียบเทียบกับความต้องการที่เร่งด่วนของผู้คนในฉนวนกาซากว่า 2.1 ล้านชีวิต