ทะลักไม่หยุด! รวบแรงงานพม่า 48 คน ลอบเข้าเส้นทางธรรมชาติ จ่ายค่าหัวหลายหมื่น
แรงงานเมียนมา ทะลักชายแดนกาญจน์ต่อเนื่อง รวบอีก 48 ราย มาจาก จ.ทวาย ลอบเข้าเส้นทางธรรมชาติ จ่ายค่าหัวนายหน้าเพื่อนร่วมชาติ 13,000-20,000 บาท
จากนโยบายของนายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พล.ต.บรรยง ทองน่วม ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ พล.ต.ต.วรณัน สุขเจริญ ผบก.ภ.จว.ดกาญจนบุรี พ.อ.ยุทธนา มีเจริญ ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.อ.เฉลิมพล สังข์ต้อง รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี นายธนณัฎฐ์ ศรีสันต์ นายอำเภอเมืองกาญจนบุรี
โดยให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจที่อยู่เส้นทางตามแนวชายแดน ไทย-เมียนมา ให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มข้นเพื่อเฝ้าระวังป้องกันและปราบปรามการลักลอบหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรไทยของแรงงานชาวเมียนมาโดยผิดกฎหมาย ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 โดยเฉพาะเส้นทางถนนสาย 323 ด่านเจดีย์สามองค์-สังขละบุรี-ทองผาภูมิ-ไทรโยค-กาญจนบุรี และเส้นทางด่านถาวรบ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี รวมทั้งช่องทางธรรมชาติตลอดแนวชายแดนไทย-เมียนมา ระยะทาง 371 กิโลเมตร
ล่าสุดเมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 27 เม.ย.64 พ.อ.เฉลิมพล สังข์ต้อง รอง ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ ได้รับแจ้งว่า เจ้าหน้าที่หมวดลาดตระเวน (มว.ลว.) ที่ 4 ประจำจุดตรวจร่วมช่องเขาหนีบ หมู่ 14 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ร่วมกับกองร้อยเคลื่อนที่เร็ว (ร้อย.คร.) กกล.สุรสีห์, ชุดปฏิบัติการข่าว กกล.สุรสีห์, ทหารชุดปฏิบัติการกิจการพลเรือน (ชป.กร.) กองกำลังสุรสีห์ ที่ 105, ร้อยทหารพราน (ร้อย.ทพ.)ที่ 1115, สภ.เมืองกาญจนบุรี รวมทั้งผู้ใหญ่บ้านหมู่ 14 ต.บ้านเก่า
ร่วมกันจับกุมแรงงานชาวเมียนมาหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายขณะหลบ ซ่อนตัวอยู่ที่บริเวณชายป่าบ้านประตูด่าน หมู่ 14 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี จำนวน 48 ราย เป็นชาย 21 ราย หญิง 27 ราย
ทั้งหมดไม่มีเอกสารแสดงตน และมีกระเป๋าสัมภาระพร้อมที่จะเดินทางครบทุกคน หลังจากคุมตัวเอาไว้ได้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ทำการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย เบื้องต้นไม่พบอุณหภูมิร่างกายสูงเกิน 37.5 องศาเซลเซียส
จากการสอบสวนกลุ่มแรงงานเบื้องต้นทราบว่า ทั้งหมดเดินทางมาจาก จ.ทวาย ประเทศเมียนมา โดยใช้เวลาในการเดินทางลัดเลาะไปตามป่าเขาเป็นเวลานานถึง 7 วันกว่าจะลักลอบข้ามเข้ามาประเทศไทยได้ สำหรับผู้นำพาเป็นชาวเมียนมาด้วยกัน
เมื่อมาถึงจุดพักคอยบริเวณชายป่าบ้านประตูด่าย ผู้นำพาจึงเดินทางข้ามแดนกลับไปยังประเทศเมียนมา โดยแจ้งว่าจะมีคนนำรถมารับ โดยแรงงานทั้งหมดจะเดินทางไปทำงานในพื้นที่ กทม. จ.นครปฐม จ.สมุทรสาคร รวมทั้ง จ.ราชบุรี ส่วนค่าหัวนั้นได้จ่ายให้กับนายหน้าที่เป็นชาวเมียนมาด้วยกันไปแล้วคนละ 13,000-20,000 บาท เจ้าหน้าที่นำตัวแรงงานทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาญจนบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย ก่อนส่งให้ ตม.กาญจนบุรี เพื่อผลักดันกลับประเทศต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนกรณีการจับกุมแรงงานชาวเมียนมาได้ที่บริเวณป่าละเมาะท้องที่ หมู่ 8 ต.ศรีมงคล องไทรโยค จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 26 เม.ย. จำนวน 54 คน นั้น ต่อมาเจ้าหน้าที่ยังสามารถจับกุมกลุ่มผู้ร่วมขบวนการที่เป็นผู้นำพาชาวไทยได้อีก จำนวน 4 คน ประกอบไปด้วย
1.นายเดชา หรือชา หลวงคุ้ม อายุ 38 ปี ชาว ต.เชียงของ อ.วังเจ้า จ.ตาก 2.นายวิรัช หรือน้อย พวงแก้ว อายุ 45 ปี ชาว ต.ช่องด่าน อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี 3.นายปัณณธร หรือเก้า น้อนนิด อายุ 25 ปี ชาว ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี และ 4.นายเจนณรงค์ หรือบูม ชุมรักษา อายุ 29 ปี ชาว ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
พร้อมรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีเทา หมายเลขทะเบียน บม 7156 กาญจนบุรี, รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ สีเทา หมายเลขทะเบียน บม 4640 กาญจนบุรี ติดแผ่นป้ายทะเบียนเฉพาะด้านหน้า และรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ออลนิว ดีแม็กซ์ สีขาว ติดแผ่นป้ายทะเบียนหมายเลข กฉ 3937 กาญจนบุรี มีนายเจนณรงค์ หรือบูม ชุมรักษา เป็นคนขับ
โดยทั้ง 4 ราย ถูกดำเนินคดีในข้อหา ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยดวยประการใดๆ ให้บุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นการจับกุม ส่วนแรงงาน จำนวน 54 คน ถูกดำเนินคดีในข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และนอกจากนี้ผู้นำพาชาวไทยทั้ง 4 คน รวมทั้งแรงงานจำนวน 54 คน ยังถูกดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันฝ่าฝืน พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ.2558 อีก 1 ข้อหาด้วย