รีเซต

ระอุ! ไทยพบ "จุดความร้อน" 1,328 จุด เปิดรายชื่อ 3 จังหวัดที่พบมากสุด

ระอุ! ไทยพบ "จุดความร้อน" 1,328 จุด เปิดรายชื่อ 3 จังหวัดที่พบมากสุด
TNN ช่อง16
19 เมษายน 2566 ( 14:40 )
62

GISTDA  รายงาน "จุดความร้อน" ในไทย 18 เมษายน 2566 พบ 1,328 จุด  ในขณะที่จุดความร้อนเพื่อนบ้าน สปป.ลาว ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง ที่ 3,410 จุด

GISTDA เผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของวันที่ 18 เมษายน 2566 ไทยพบจุดความร้อน 1,328 จุด ในขณะที่จุดความร้อนเพื่อนบ้าน สปป.ลาว ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง ที่ 3,410 จุด, พม่า 3,258 จุด, เวียดนาม 553 จุด, กัมพูชา 55 จุด, มาเลเซีย 33 จุด


ข้อมูลจากดาวเทียมระบุอีกว่า จุดความร้อนในประเทศไทย ยังคงพบในพื้นป่าอนุรักษ์มากที่สุด 501 จุด ตามด้วยป่าสงวนแห่งชาติ 374 จุด, พื้นที่เกษตร 248 จุด, พื้นที่เขต สปก. 129 จุด, พื้นที่ชุมชนอื่นๆ 64 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 12 จุด สำหรับจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด 3 อันดับ คือ เชียงราย 245 จุด , เชียงใหม่ 131 จุด และ น่าน 100 จุด 


ในขณะที่สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ของวันนี้เวลา 09.00 น. ยังคงเกินค่ามาตรฐานและอยู่ในระดับสีส้มไปจนถึงสีแดงในหลายพื้นที่ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงราย มีค่าฝุ่นอันดับหนึ่งอยู่ 168 ไมโครกรัม รองลงมาคือแม่ฮ่องสอน 134 ไมโครกรัม และเชียงใหม่ 120 ไมโครกรัม ทั้งนี้ สถานการณ์ดังกล่าวประชาชนควรสวมหน้ากากอนามัย และงดกิจกรรมภายนอกอาคารสถานที่เพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจที่จะตามมา ในขณะที่กรุงเทพมหานคร คุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลาง


สิ่งหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวังที่มักจะมากับเหตุการณ์ไฟป่าและจุดความร้อนคือ PM 2.5 สถานการณ์จุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลให้เกิด PM 2.5 ได้ในพื้นที่บริเวณชายแดนเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากกระแสลมที่จะพัดผ่านเข้ามา ประกอบกับภูมิประเทศทางภาคเหนือของไทยมีลักษณะเป็นหุบเขาแอ่งกระทะ จึงมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับการพัดและการเคลื่อนตัวของกระแสลมในพื้นที่เป็นสำคัญ


ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบให้กับระบบต่างๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม และสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THEOS-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้ คือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ได้อย่างแม่นยำและทันท่วงที เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น


อย่างไรก็ตาม รายละเอียดข้อมูลเฉพาะพื้นที่ท่านสามารถติดตามจากหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโดยตรง GISTDA ยังคงติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่
สามารถติดตามข้อมูลจาก https://fire.gistda.or.th/dashboard.html และควรติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ผ่านแอปพลิเคชัน "เช็คฝุ่น"







ภาพจาก GISTDA / ผู้สื่อข่าวเชียงราย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง