ลงทุนอย่างไร? หุ้นกลุ่ม "ยานยนต์"- "แบงก์" ที่เน้นสินเชื่อเช่าซื้อ

ยอดผลิตรถยนต์ ส.ค. 65 ที่ 171,731 คัน เติบโตราว 65% YoY (+20% MoM) ขยายตัวจากทั้งการผลิตเพื่อขายในประเทศและส่งออก เป็นไปในทิศทางเดียวกับยอดขายรถยนต์ ในประเทศสูงขึ้น 62% YoY (+7% MoM) เท่ากับ 6.8 หมื่นคัน และยอดส่งออกรถยนต์ที่ 7.3 หมื่นคัน เพิ่ม 23% YoY (-12% MoM) ทั้งนี้ การเติบโต YoY ในอัตราสูงเป็นผลจากฐานต่ำปีก่อน ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ในไทย ด้านยอดจดทะเบียนรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) ใหม่อยู่ที่ 2,304 คัน เพิ่มขึ้น 391% YoY และคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 3.4% ของยอดขายรถยนต์ ส.ค. 65 เทียบกับ 2.3% เดือนก่อน

ภาพรวมยอดผลิตรถยนต์ 8M65 อยู่ที่ 1.18 ล้านคัน (+10.5% YoY) คิดเป็น 84% ของ Pre-COVID และคิดเป็นสัดส่วน 70% ของสมมติฐานฝ่ายวิจัยทั้งปีที่ 1.7 ล้านคัน (+1% YoY) มองว่าการเติบโตในเชิง YoY ช่วงที่เหลือของปี จะอยู่ในอัตราที่ลดลง สะท้อนจากฐานยอดผลิตช่วง ก.ย. – ธ.ค. 64 ที่ 1.5 แสนคันต่อเดือน อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกของประเทศคู่ค้ายังมีความไม่แน่นอน จึงคงสมมติฐานยอดผลิตรถยนต์ ทิศทางยอดผลิตรถยนต์ข้างต้น ย่อมหนุนต่อยอดขายบริษัทฯ ในกลุ่มฯ ผลักดันให้เกิด Economies of scale จึงคาดกําไรปกติ Q3/65 ของหุ้นในกลุ่มฯ เติบโต QoQ และ YoY

ส่วนแนวโน้ม Q4/65 ชะลอ QoQ (+ YoY) ตามฤดูกาลที่มีวันทํางานลดลง ก่อนคาดการณ์ขยายตัวอีกครั้งในงวด Q1/66 ซึ่งปกติเป็นช่วงที่ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นเร่งผลิตรถยนต์ ราคาหุ้นช่วงที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นสะท้อนปัจจัยบวก จนราคาหุ้น Upside จํากัด ทั้ง AH(FV@B 2565 – 66 ที่ 29 และ 30 บาท) และ SAT (FV@B 2565 – 66 ที่ 21 และ 23 บาท) แต่ Earning Momentum งวด Q3/65 และ Valuation หุ้นสมเหตุผล ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์แนะนํา Let Profit Run และเลื่อนจุด Stop profit โดยอาจพิจารณาหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของยอดขายรถยนต์ในประเทศอย่าง TISCO(FV@B105)