รีเซต

รีแพ็กเกจเศรษฐกิจเพื่อไทย ปรับเกมใหญ่รับเลือกตั้ง 2569

รีแพ็กเกจเศรษฐกิจเพื่อไทย ปรับเกมใหญ่รับเลือกตั้ง 2569
TNN ช่อง16
23 ธันวาคม 2568 ( 11:39 )
7

ท่ามกลางจังหวะการเมืองที่เริ่มเคลื่อนเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง เศรษฐกิจกลายเป็นสนามแข่งขันหลักที่ทุกพรรคต้องมีคำตอบ พรรคเพื่อไทยซึ่งแบกรับบทบาทรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา กำลังจัดระเบียบแนวคิดเศรษฐกิจใหม่อีกครั้ง จากนโยบายกระตุ้นการเติบโตในยุคดิจิทัลวอลเล็ต สู่กรอบคิดที่พยายามเชื่อมการเติบโต ความยั่งยืน และวินัยการคลังเข้าด้วยกัน เพื่อวางฐานสู้ศึกเลือกตั้งปี 2569

จากประชานิยมเชิงเติบโตสู่โจทย์ความยั่งยืน

ตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2566 พรรคเพื่อไทยย้ำจุดยืนว่าเศรษฐกิจไทยต้องหลุดพ้นจากภาวะเติบโตต่ำ ด้วยการเพิ่มกำลังซื้อของประชาชนฐานราก แนวคิดนี้ถูกแปลงเป็นนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ที่ออกแบบให้เม็ดเงินถึงมือประชาชนโดยตรงและหมุนในชุมชน ความเชื่อดังกล่าวตั้งอยู่บนฐานคิดเดิมของพรรคที่มองว่าการสร้างดีมานด์คือจุดตั้งต้นของการฟื้นระบบเศรษฐกิจทั้งระบบ

อย่างไรก็ตาม เมื่อพรรคก้าวเข้าสู่การบริหารประเทศ ข้อจำกัดด้านงบประมาณ หนี้สาธารณะ และความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ทำให้โจทย์เศรษฐกิจซับซ้อนขึ้น การกระตุ้นระยะสั้นจึงต้องเดินควบคู่กับการจัดการโครงสร้างในระยะยาว

รัฐบาลเศรษฐาและแพทองธารกับบทบาทรัฐในระบบเศรษฐกิจ

ในช่วงรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ต่อเนื่องถึงรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร แนวคิดใช้รัฐเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจถูกถ่ายทอดผ่านงบประมาณขนาดใหญ่ โดยเฉพาะงบประมาณปี 2569 ที่วางเป้าหมายประคองการเติบโตและรักษาความเชื่อมั่น มากกว่าการตัดลดรายจ่าย รัฐเลือกลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาคน และการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน เพื่อทำหน้าที่เป็นแรงเหนี่ยวนำให้ภาคเอกชนกลับมาลงทุน

จุดเปลี่ยนสำคัญคือการสื่อสารว่า นโยบายแจกเงินไม่ใช่คำตอบเดียวของพรรคอีกต่อไป แต่เป็นหนึ่งในเครื่องมือของภาพใหญ่ทางเศรษฐกิจ

เผ่าภูมิกับกรอบ 10 หลักคิดเศรษฐกิจ

ท่ามกลางบริบทดังกล่าว เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกมาอธิบายกรอบแนวคิดเศรษฐกิจชุดใหม่ ซึ่งจะถูกใช้เป็นฐานออกแบบนโยบายหาเสียงของพรรค โดยวางเป้าหมายชัดเจนว่าเศรษฐกิจไทยต้องเดินบนเส้นทางสมดุลมากขึ้น ระหว่างการกระตุ้นดีมานด์ของประชาชนกับความรับผิดชอบทางการคลัง

หลักคิดแรกคือการสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจและการคลัง ลดการขาดดุลงบประมาณในระยะต่อไป พร้อมยกระดับความน่าเชื่อถือทางการเงินของประเทศ แนวทางนี้ถูกวางเป็นฐานรองรับนโยบายอื่น เพื่อไม่ให้การกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างความเปราะบางในอนาคต



เงินอยู่ในมือประชาชนและการแก้หนี้ทั้งระบบ

หนึ่งในหัวใจของกรอบคิดใหม่ยังคงเป็นการให้สิทธิ์อยู่ในมือประชาชน ผ่านการกระตุ้นดีมานด์โดยตรง แนวคิดนี้เสนอให้เปลี่ยนการจัดสรรงบประมาณจากระบบจัดซื้อจัดจ้างของรัฐ มาเป็นการให้ประชาชนถือเงินหรือคูปองเพื่อเลือกใช้บริการภาครัฐด้วยตนเอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายและลดต้นทุนเชิงระบบ

ควบคู่กันนั้น ปัญหาหนี้ครัวเรือนถูกยกเป็นวาระหลัก พรรคเสนอแนวทางแยกแยะระหว่างหนี้ดีและหนี้เสีย หนี้ดีควรได้รับแรงจูงใจ ส่วนหนี้เสียเรื้อรังรัฐต้องเข้าช่วยเหลือ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนกลับมายืนได้อีกครั้ง และลดแรงกดดันต่อเศรษฐกิจโดยรวม

ปลดล็อกกฎหมาย ดึงลงทุน และแปลงสินทรัพย์เป็นทุน

กรอบคิดเศรษฐกิจเพื่อไทยในรอบนี้ไม่ผูกติดกับการใช้งบประมาณอย่างเดียว พรรคชูการปลดล็อกกฎหมายและปรับระบบภาษี เพื่อดึงดูดเงินลงทุนที่ถูกกฎหมายจากต่างประเทศ พร้อมกำหนดบทบาทรัฐให้เป็นตัวกระตุ้นการลงทุนเอกชน มากกว่าการแข่งขันกับภาคธุรกิจ

แนวคิดแปลงสินทรัพย์เป็นทุนยังถูกย้ำอย่างต่อเนื่อง โดยทรัพย์สินและที่ดินของรัฐต้องถูกนำมาใช้สร้างรายได้ เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมลงทุน และลดปัญหาทรัพย์สินถูกปล่อยทิ้งร้าง

ทุนมนุษย์ รัฐบริการ และเศรษฐกิจมูลค่าสูง

ในด้านการพัฒนาคน พรรคเสนอให้สิทธิ์การพัฒนาทักษะลงถึงประชาชนโดยตรง เพื่อให้แรงงานเลือกเพิ่มทักษะในสาขาที่สอดคล้องกับทิศทางประเทศ ขณะเดียวกัน บทบาทรัฐต้องเปลี่ยนจากรัฐควบคุมไปสู่รัฐบริการ ระบบอนุญาตต้องมีมาตรฐานเดียว เปิดข้อมูลโครงการ งบประมาณ และการจัดซื้อจัดจ้างให้ตรวจสอบได้

เศรษฐกิจมูลค่าสูงถูกวางเป็นคำตอบต่อสังคมสูงวัย เมื่อแรงงานลดลง การยกระดับผลิตภาพ เทคโนโลยี และการใช้ AI จึงถูกมองเป็นกลไกสำคัญในการรักษาความสามารถการแข่งขัน

ลดต้นทุนชีวิตและยกเศรษฐกิจนอกระบบ

กรอบคิดชุดนี้ยังครอบคลุมการยกเศรษฐกิจนอกระบบเข้าสู่ระบบ เพื่อเพิ่มการจ้างงานที่ถูกกฎหมาย และขยายฐานเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน พรรคตั้งเป้าลดต้นทุนชีวิตของประชาชน ตั้งแต่ค่าใช้จ่ายประจำวัน ค่ารักษาพยาบาล ค่าเดินทาง ค่าไฟ ไปจนถึงต้นทุนการผลิตของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะเอสเอ็มอี พร้อมปรับบทบาทรัฐให้เป็นลูกค้าของเอสเอ็มอีมากขึ้น

เศรษฐกิจกับสนามเลือกตั้งที่กำลังมาถึง

เมื่อศึกเลือกตั้งปี 2569 ใกล้เข้ามา เศรษฐกิจจึงถูกวางเป็นแกนหลักของการแข่งขันทางการเมือง กรอบ 10 หลักคิดที่เผ่าภูมิอธิบาย ถูกมองว่าเป็นการเชื่อมต่ออดีตกับอนาคต จากนโยบายกระตุ้นระยะสั้นในยุคดิจิทัลวอลเล็ต ไปสู่ชุดแนวคิดที่พยายามจัดการโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะยาว

บทพิสูจน์สำคัญของพรรคเพื่อไทยต่อจากนี้ คือการแปลงกรอบคิดเหล่านี้ให้กลายเป็นนโยบายที่ประชาชนเข้าใจและเชื่อมั่นได้จริง ในสนามเลือกตั้งที่เศรษฐกิจจะเป็นคำถามใหญ่ที่สุดของประเทศอีกครั้ง

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง