พื้นที่น้ำท่วม! ขนส่งฯ ขยายเวลา ชำระภาษีรถประจำปี ต่อใบขับขี่ ออกไปอีก 30 วัน
นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และโฆษกกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้หลายจังหวัดในประเทศไทยได้เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ทำให้เกิดอุทกภัยอย่างรุนแรง ส่งผลให้ประชาชนไม่สามารถขอรับบริการและติดต่อราชการกับสำนักงานขนส่งที่อยู่ในเขตพื้นที่ประสบอุทกภัยได้
กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ได้ดำเนินการตามนโยบายกระทรวงคมนาคม ที่สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมอำนวยความสะดวกและบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ประสบภัยในการติดต่อราชการ
โดยได้ขยายเวลาให้บริการประชาชนที่ต้องการทำธุรกรรมในกรณีครบกำหนดเวลาแล้ว ออกไปอีก 30 วัน นับแต่วันที่สำนักงานขนส่งนั้นไม่สามารถเปิดให้บริการได้เนื่องจากประสบอุทกภัย หรือนับแต่วันที่จังหวัดประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย (อุทกภัย) โดยหากประชาชนมาดำเนินการที่สำนักงานขนส่งในช่วงเวลาดังกล่าว ให้ถือว่าประชาชนได้ดำเนินการภายในระยะเวลา ที่กฎหมายกำหนดแล้ว
สำหรับธุรกรรมที่ได้รับการขยายเวลามีดังนี้
1) การดำเนินการด้านใบอนุญาตขับรถ และผู้ประจำรถ รวมถึงเอกสารประกอบคำขอรับหรือขอต่ออายุใบอนุญาตขับรถหรือใบอนุญาตเป็นผู้ประจำรถ เช่น ใบรับรองแพทย์ หนังสือรับรองการผ่านการอบรมและทดสอบจากโรงเรียนสอนขับรถ คำขอที่ดำเนินการไม่แล้วเสร็จภายใน 90 วัน (ผู้ขับรถที่ยังไม่ดำเนินการทดสอบข้อเขียนและทดสอบขับรถให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน) และผลผ่านการอบรมจากระบบ e-Learning ที่สิ้นอายุในช่วงเวลาดังกล่าว ก็ยังสามารถใช้เป็นเอกสารประกอบต่อไปได้
2) การชำระภาษีรถประจำปี
3) การดำเนินการทางทะเบียนและภาษีรถ เช่น การแจ้งไม่ใช้รถ การโอนรถ การย้ายเข้ารถ การเปลี่ยนสีรถ การเปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิง การตรวจสภาพรถแท็กซี่ การตรวจสภาพรถตามเงื่อนไขในใบอนุญาตประกอบการขนส่ง และการแก้ไขสาระสำคัญของรถ
4) การยื่นต่ออายุใบอนุญาตประกอบการขนส่ง และใบอนุญาตอื่นๆ
ทั้งนี้ เจ้าของรถยนต์สามารถชำระภาษีออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ https://eservice.dlt.go.th/ หรือ DLT Vehicle Tax Plus ได้เช่นกัน ซึ่งสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเดินทางมา ที่สำนักงานขนส่ง
ขบ. จะติดตามสถานการณ์อุทกภัยอย่างใกล้ชิด รวมถึงสั่งการให้สำนักงานขนส่งในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงเฝ้าระวังเตรียมแผนรับมือและจัดหาอุปกรณ์สำหรับการป้องกัน เช่น กระสอบทราย เครื่องสูบน้ำ รวมถึงบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อร่วมป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย และเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือประชาชนต่อไป