“จุลพันธ์”เผยบัญชีกลางเริ่มโอนเงินหมื่นบาทกลุ่มเปราะบางล็อตแรก 4 ล้านคนผ่านพร้อมเพย์ หลังเที่ยงคืน

“จุลพันธ์’ เผย กรมบัญชีกลาง ทยอยโอนเงินหมื่นแก่กลุ่มเปราะบาง ผ่านระบบพร้อมเพย์ ล็อตแรก 3.17 ล้านคน หลังเที่ยงคืน รับเฟส 2 ไม่ทันปีนี้ แต่จะเร่งรัดให้เร็วที่สุด แจง มติ ครม. เดินหน้าหารือพักหนี้ธ.ก.ส. โดยไม่คิดดอกเบี้ย

#ทันหุ้น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต10,000 บาท ที่จะเริ่มแจกให้แก่กลุ่มผู้พิการ และผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เลขประจำตัวบัตรประชาชนลงท้าย เลข 0 จำนวน 3.17 ล้านคน ในวันที่ 25 ก.ย. เป็นวันแรกว่า ระบบจะเริ่มโอนจ่ายให้แก่ประชาชนในช่วงเวลา 00.00 น. เป็นต้นไป ซึ่งระบบพร้อมเพย์นั้นมีข้อจำกัดที่สามารถโอนได้วันละไม่เกิน 4.5 ล้านบาท จึงจำเป็นต้องแบ่งตามเลขท้ายบัตรประชาชน แต่ยืนยันว่า กระบวนการทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ซึ่งในเวลา 09.00 น. ของวันพรุ่งนี้ (25 ก.ย.) นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานในพิธีกดปุ่มเพื่อคิกออฟการแจกเงินดังกล่าว

นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้ประชาชนที่เข้าเกณฑ์กลุ่มเปราะบางสามารถเริ่มเช็กสิทธิได้ผ่านแอปพลิเคชัน ‘รัฐจ่าย’ และเว็บไซต์ระบบตรวจสอบสิทธิสวัสดิการ โดยกรมบัญชีกลาง และการที่รัฐบาลเช็กข้อมูลของผู้ที่ลงทะเบียนมาก่อนหน้านี้ พบว่า มีกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้พิการซ้ำซ้อนกับผู้ที่ลงทะเบียนมาแล้วถึง 10 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม นายจุลพันธ์ ยอมรับว่า โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ในเฟส 2 น่าจะไม่ทันภายในปีนี้ เนื่องจากติดปัญหาเรื่องระบบ ส่วนจะทันไตรมาสแรกของปี 2568 หรือไม่นั้น ไม่อยากให้ใช้เวลามาเป็นตัวเร่งรัด แต่จะรีบที่สุดตามความต้องการของประชาชน

ขณะที่ความคืบหน้าของมาตรการโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ นายจุลพันธ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกหลายโครงการ ซึ่งโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเพียงแค่โครงการหนึ่งเท่านั้น เพราะประชาชนต้องการเงินให้ถึงมือเพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ รวมถึงการรีสกิล และ อัปสกิล ของพี่น้องประชาชนที่ถือเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า ในที่ประชุม ครม. ของวันนี้ ยังมีเรื่องการเดินหน้าพักหนี้ของลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ด้วย โดยไม่คิดดอกเบี้ย ส่วนบริษัทที่จะมาพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ในเฟส 2 นั้น รัฐบาลก็กำลังเร่งเดินหน้า ซึ่งตนไม่ได้กำกับดูแลจึงไม่สามารถไปข้องแวะได้ แต่ถึงกระนั้น งบประมาณที่ใช้ในเฟส 2 ยังคงเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 อยู่เหมือนเดิม ไม่ได้มีเปลี่ยนแปลง