เปิดสูตรวัคซีนเด็ก อายุ 5-17 ปี แต่ละช่วงควรฉีดวัคซีนชนิดใด เด็กเริ่มฉีดเข็ม 3 เมื่อไหร่?
ปัจจุบันประเทศไทยเริ่มให้เด็กเล็กตั้งแต่อายุ 5 ปีขึ้นไป ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 เพิ่มมากขึ้น เพื่อป้องกันเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะในช่วงที่มี “โอมิครอน” แพร่ระบาดทั่วประเทศ ทำให้โอกาสที่เด็กจะติดโควิด เป็นไปได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งทางป้องกันที่ดีที่สุดคือการ “ฉีดวัคซีน”
วันนี้ TrueID จึงมาแนะนำ 5 สูตรวัคซีนเด็ก ที่ผู้ปกครองต้องรู้ หากลูกอยู่ในช่วงอายุ 5-17 ปี ควรฉีดวัคซีนชนิดใด ถ้าฉีดครบ 2 เข็มแล้ว ควรเริ่มฉีดวัคซีนเข็ม 3 เมื่อไหร่
ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยได้ออกคำแนะนำล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ก.พ.2565 ที่ผ่านมา โดยขอให้ฉีดวัคซีนโควิดชนิด mRNA หรือไฟเซอร์ เป็นลำดับแรกในเด็กและวัยรุ่นอายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป โดยให้ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ 2 เข็ม สามารถฉีดเข็มที่ 2 ห่างจากเข็มแรก 3-12 สัปดาห์ ข้อมูลจากการศึกษาพบว่า ระยะห่างระหว่างเข็ม 1 และเข็ม 2 เป็น 8-12 สัปดาห์จะดีกว่า 3-4 สัปดาห์
ในที่นี้แนะนำที่ 8 สัปดาห์ เพื่อความสะดวกในการปฏิบัติ เช่น อายุ 12 ไม่เกิน 18 ปี ฉีดห่างกัน 8 สัปดาห์ระหว่างเข็ม 1 และ 2 ส่วนอายุ 5 ปีไม่เกิน 12 ปี ฉีดห่างกัน 8 สัปดาห์
"กรณีคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิฯ แนะนำให้ฉีดสูตรไขว้อายุ 12-17 ปี " ซิโนแวคหรือซิโนฟาร์ม+ไฟเซอร์" นั้นก็สามารถทำได้ เป็นอีกทางเลือก แต่หากวัคซีนไฟเซอร์เพียงพอ ซึ่งขณะนี้มีจำนวนมาก ควรฉีดเข็มแรกเป็นไฟเซอร์ และต่อด้วยไฟเซอร์เข็มที่ 2
ทั้งนี้ขอยืนยันว่า ข้อมูลที่ผ่านมาเด็กฉีดไฟเซอร์มีความปลอดภัยสูง แต่ก็สามารถฉีดไขว้ได้ในกรณีคนที่ฉีดซิโนแวค หรือซิโนฟาร์มมาเข็มแรก ก็สามารถฉีดเข็มที่ 2 เป็นไฟเซอร์ แต่ทางที่ดีที่สุด คนที่ยังไม่ฉีดเข็มแรก ขอให้ฉีดเป็นชนิด mRNA และตามด้วยเข็ม 2 ชนิดเดียวกัน ยกเว้นก่อนหน้านี้ฉีดเชื้อตาย อย่างซิโนแวคหรือซิโนฟาร์ม ก็ต้องฉีดเข็ม 2 เป็นไฟเซอร์ ซึ่งราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ได้ออกคำแนะนำไว้แล้ว
เด็กต้องฉีดวัคซีนเข็ม 3 เมื่อไหร่
การแนะนำฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น หรือวัคซีนเข็ม 3 ในเด็กอายุ 12 ปีแต่ไม่เกิน 18 ปี ที่เคยฉีดวัคซีนไฟเซอร์ครบ 2 เข็มอย่างน้อย 4-6 เดือน อีก 1 เข็มด้วยวัคซีนไฟเซอร์ฝาสีม่วงขนาด 30 ไมโครกรัม
แนะนำให้ฉีดกระตุ้นในกลุ่มเสี่ยงเกิดโรค ดังนี้ โรคอ้วน โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง รวมทั้งหอบหืดที่มีอาการปานกลางหรือรุนแรง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตวายเรื้อรัง โรคมะเร็งและภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ โรคเบาหวาน และกลุ่มโรคพันธุกรรม รวมทั้งกลุ่มอาการดาวน์ เด็กที่มีภาวะบกพร่องระบบประสาทอย่างรุนแรง เด็กที่มีพัมนาการช้า
ส่วนเด็กที่เคยรับวัคซีนชนิดเชื้อตาย ทั้งซิโนแวคหรือซิโนฟาร์มา 2 เข็ม แนะนำกระตุ้นด้วยไฟเซอร์ 1 เข็ม โดยใช้ขนาดที่รับรองให้ฉีดตามกลุ่มอายุห่างจากฉีดวัคซีนเชื้อตายอย่างน้อย 4 สัปดาห์
"ส่วนเด็กที่ไม่มีโรคประจำตัวยังไม่แนะนำฉีดกระตุ้น"
สูตรวัคซีนเด็กอายุ 5-17 ปี
สูตรวัคซีนทั้ง 5 สูตร ในกลุ่มอายุ 5-17 ปี ผ่านการพิจารณาโดยผู้เชี่ยวชาญ แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูง ทุกสูตรมีความปลอดภัย ประกอบด้วย
สูตรที่ 1 สำหรับอายุ 5-11 ปี ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ (ฝาสีส้ม) 2 เข็ม ระยะห่างระหว่างเข็ม 8 สัปดาห์
ซึ่งเป็นสูตรหลักของกลุ่มเป้าหมายนี้ และกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมวัคซีนไฟเซอร์ (ฝาสีส้ม) ให้เพียงพอแก่กลุ่มเป้าหมาย วัคซีนไฟเซอร์ (ฝาสีส้ม) จะทยอยเข้ามาในแต่ละสัปดาห์และดำเนินการฉีดผ่านระบบสถานศึกษา ทำให้ไม่สามารถฉีดในกลุ่มเป้าหมายได้พร้อมๆ กันทุกคน กระทรวงสาธารณสุขจึงเตรียมสูตรที่เหลือไว้รองรับความต้องการของเด็กและผู้ปกครองที่ต้องการให้บุตรหลานได้รับการฉีดวัคซีนโดยเร็ว
สูตรที่ 2 สำหรับเด็กอายุ 6-11 ปี สามารถฉีดวัคซีนสูตรไขว้ซิโนแวค-ไฟเซอร์ (ฝาสีส้ม) ระยะห่างระหว่างเข็ม 4 สัปดาห์
ตามคำแนะนำของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ซึ่งได้เผยแพร่คำแนะนำเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565
สูตรที่ 3 สำหรับเด็กอายุ 12-17 ปี แนะนำให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ (ฝาสีม่วง) 2 เข็ม ระยะห่างระหว่างเข็ม 3-4 สัปดาห์
ซึ่งเป็นสูตรหลักของกลุ่มเป้าหมายนี้ และกลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว
สูตรที่ 4 สำหรับเด็กอายุ 12-17 ปี สามารถฉีดวัคซีนสูตรไขว้ซิโนแวค-ไฟเซอร์ (ฝาสีม่วง) ระยะห่างระหว่างเข็ม 4 สัปดาห์
ตามคำแนะนำของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทยได้เช่นกัน และมีการศึกษารองรับแล้วว่า ระดับภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนสูตรไขว้ซิโนแวค-ไฟเซอร์ (ฝาสีม่วง) สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงกว่าการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ (ฝาสีม่วง) 2 เข็ม ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลในผู้ใหญ่
สูตรที่ 5 วัคซีนซิโนแวค 2 เข็ม สำหรับเด็กอายุ 6-17 ปี ระยะห่างระหว่างเข็ม 4 สัปดาห์
ซึ่งเป็นคำแนะนำภายใต้การขึ้นทะเบียนของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ปกครองที่มีความกังวลใจเรื่องผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีน mRNA และเด็กที่แพ้การฉีดวัคซีน mRNA แต่อย่างไรก็ตาม ภูมิที่เกิดจากการ ฉีดสูตรนี้อาจไม่สูงพอในการป้องกันเชื้อโอมิครอน จำเป็นต้องได้รับการกระตุ้นด้วยวัคซีนไฟเซอร์ 1 เข็ม โดยมีระยะห่างอย่างน้อย 4 สัปดาห์ ขึ้นไป หลังได้รับวัคซีนเข็มที่ 2
ผลข้างเคียงวัคซีนเด็ก
ผู้ปกครองต้องเฝ้าระวังอาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็ก 5-11 ปี โดยอาการที่อาจเกิดขึ้นภายหลังการฉีดวัคซีนไฟเซอร์สูตรเด็ก ได้แก่ ปวด บวม แดง บริเวณที่ฉีด ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย มีไข้ ดังนั้น ก่อนการฉีดควรเตรียมตัวเด็กให้พร้อม รับประทานอาหารและน้ำตามปกติ พักผ่อนให้เพียงพอ
ที่ผ่านมา ทางโรงพยาบาลไม่พบอาการข้างเคียงรุนแรงในเด็กกลุ่มนี้ แต่ยังจำเป็นต้องสังเกตอาการหลังการฉีดอย่างน้อย 30 นาที ในสถานที่ฉีดวัคซีนด้วยเสมอ ส่วนอาการข้างเคียงทั่วไปหลังฉีดวัคซีน พบน้อยกว่ากลุ่มเด็กโตและผู้ใหญ่ อาการดังกล่าวสามารถหายได้เองเมื่อรับประทานยาลดไข้และพักผ่อนให้เพียงพอ
อาการรุนแรงหลังฉีดวัคซีนเด็ก
หากเกิดอาการรุนแรงหลังรับวัคซีน ได้แก่ เจ็บหน้าอก หายใจเร็ว เหนื่อยง่าย ใจสั่น ไข้สูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส ปวดหัวรุนแรง อาเจียน รับประทานอาหารไม่ได้หรือซึม ไม่รู้สึกตัว ควรพบแพทย์ทันที เพื่อรักษาและติดตามอาการ
หลังจากรับวัคซีนแล้วยังคงต้องให้เด็กล้างมือ สวมใส่หน้ากากอนามัย และรักษาระยะห่างตามหลักการทั่วไปของการป้องกันโรคโควิด-19 นอกจากนี้ผู้ปกครองควรดูแลไม่ให้บุตรหลานออกกำลังกาย ปีนป่าย วิ่ง ว่ายน้ำ หรือออกกำลังกายที่ใช้แรงมาก เป็นระยะเวลา 7 วัน เพื่อป้องกันภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
ข้อมูล กระทรวงสาธารณสุข
--------------------
เกาะติดสถานการณ์โควิด-19 ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก
ทุกประเด็นร้อนข่าวสาร สาระ ทันเหตุการณ์ พูดคุยกันได้ 24 ชม.
คลิกเลย >>> TrueID Community <<<