รีเซต

‘ททท.’ ยันเปิดรับต่างชาตินำร่อง 300 คน เร่งให้เข้ามาทันเดือน ต.ค. นี้แน่นอน ย้ำความปลอดภัยมาเป็นที่ 1

‘ททท.’ ยันเปิดรับต่างชาตินำร่อง 300 คน เร่งให้เข้ามาทันเดือน ต.ค. นี้แน่นอน ย้ำความปลอดภัยมาเป็นที่ 1
มติชน
6 ตุลาคม 2563 ( 07:43 )
112
‘ททท.’ ยันเปิดรับต่างชาตินำร่อง 300 คน เร่งให้เข้ามาทันเดือน ต.ค. นี้แน่นอน ย้ำความปลอดภัยมาเป็นที่ 1

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าแนวคิดการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบจำกัด ต้องทำตามเงื่อนไข 3 ข้อ ได้แก่ 1.นักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามา ต้องปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเข้มข้น 2.ต้องเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันกับคนไทยที่เดินทางกลับเข้ามาในประเทศ และ 3.ต้องได้รับความยินยอมจากคนในชุมชนหรือพื้นที่ที่จะใช้รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเข้ามา โดยต่างชาติที่จะเข้ามา ต้องกักตัว 14 วัน ในโรงแรมที่เข้าร่วมเป็นสถานกักกันโรคแห่งรัฐทางเลือกในกรุงเทพ (เอเอสคิว) และในต่างจังหวัด (เอแอลเอสคิว) ซึ่งขณะนี้มีโรงแรมที่เป็นเอเอสคิวและเอแอลเอสคิวอยู่ในหลายจังหวัดรวมประมาณ 80 แห่ง อาทิ กรุงเทพ บุรีรัมย์ ภูเก็ต ปราจีนบุรี และชลบุรี ซึ่งได้เตรียมความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามานำร่องกลุ่มแรกภายในเดือนตุลาคมนี้แน่นอน ซึ่งจำนวนเบื่องต้นที่คาดว่าจะเข้ามา มีประมาณ 200-300 คน ไม่เกิน 1,200 คนต่อเดือน ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการระบาดโควิด-19 (ศบศ.) ได้กำหนดไว้

 

-งัดวีซ่าพิเศษดึงต่างชาติอยู่ยาว
นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า การเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบจำกัด เป็นการทดลองเปิดประเทศภายใต้วีซ่าพิเศษ หรือสเปเชียลทัวร์ริสวีซ่า (เอสทีวี) โดยนักท่องเที่ยวสามารถอยู่ในไทยได้นานถึง 3 เดือน และสามารถต่อวีซ่าได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 3 เดือน หรือเท่าว่า สามารถอยู่ในไทยได้นานถึง 9 เดือน หรือ 270 วัน ซึ่งก่อนเดินทางเข้ามา จะต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนการเดินทาง และต้องทำประกันสุขภาพประกันโควิด-19 ตามข้อกำหนดของรัฐบาลไทย รวมไปถึงการแจ้งข้อมูลกับบริษัทผู้ประสานงานก่อนการเดินทาง อาทิ โปรแกรมการเดินทางและกำหนดการที่จะอยู่ในไทย รวมถึงเข้ามาแล้วต้องตรวจหาเชื้อซ้ำอีกครั้ง ทำการกักตัว 14 วัน และต้องลงนามในหนังสือยินยอมยืนยันการปฏิบัติตามระเบียบที่รัฐบาลไทยกำหนด ซึ่งหากการเปิดรับต่างชาติในช่วงทดลองเป็นไปด้วยดี จะพิจารณาขยายเข้าสู่ระยะที่ 2 และเข้าสู่การเปิดประเทศอย่างจำกัดต่อไป

 

“การเปิดประเทศต้อนรับต่างชาติ ทำขึ้นเพื่อให้เศรษฐกิจขยับ แต่ต้องสร้างความสมดุลย์ให้กับมาตรการด้านสาธารณสุขด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมในภาคการท่องเที่ยว ซึ่งประเทศไทยพึ่งพาตลาดต่างประเทศในระดับสูง จึงต้องใช้กลยุทธ์ในรูปแบบปลาเร็ว เปิดประเทศทดลอง นำร่อง เพื่อสร้างความมั่นใจ และหวังว่าในปี 2564 จะสามารถเปิดรับต่างชาติได้ในจำนวนที่มากขึ้น ภายใต้การควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 และปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสาธารณสุขได้อย่างดี โดยขอให้มั่นใจว่า ททท.ไม่ได้เร่งรีบในการเปิดรับต่างชาติ เพราะจเน้นไปที่ประเทศความเสี่ยงต่ำ ไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ต่อเนื่อง 28 วัน ซึ่งจะไม่ทำให้ประเทศไทยมีตวามเสี่ยงในการกลับมาติดเชื้อโควิด-19 ระลอก 2 ในประเทศอย่างแน่นอน” นายยุทธศักดิ์ กล่าว

 

-เวิร์คเคชั่นกระตุ้นเที่ยวเพิ่ม
นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับโครงการ “เวิร์คเคชั่น ไทยแลนด์ ทำงานเที่ยวได้ รวมใจช่วยชาติ” ซึ่งเป็นการร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ในการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ผ่านกลุ่มคนที่ยังมีกำลังซื้อ ออกเดินทางท่องเที่ยวหรือทำกิจกรรมในประเทศ เพื่อให้ธุรกิจในภาคการท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัว เพราะต้องยอมรับว่าหลายพื้นที่หรือหลายจังหวัดในประเทศ บรรยากาศการท่องเที่ยว อาทิ โรงแรม ธุรกิจ ยังไม่กลับมาเป็นปกติ โดยททท.ต้องการสร้างเสริม เพื่อยกระดับคุณภาพสินค้าและการบริการทางการท่องเที่ยวของผู้ประกอบการ สร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว รวมทั้งสื่อสารภาพลักษณ์ของประเทศที่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพ ซึ่งในเบื้องต้นมีบริษัทเข้าร่วมโครงการผ่านการซื้อแพคเกจท่องเที่ยวในประเทศแล้วกว่า 84 ราย แบ่งเป็นทั้งหน่วยงาน องค์กร และบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทย

 

นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้เชิญชวนบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ องค์กร และหน่วยงาน เดินทางท่องเที่ยวผ่านเส้นทางการท่องเที่ยว 5 ประเภท ได้แก่ ทำงานแบบสุขกาย สุขใจ ได้ตอบแทนสังคมรักษาสิ่งแวดล้อม ,ท่องเที่ยวไปกับความสนใจพิเศษที่เลือกได้เอง ควบคู่กับการทำงาน ,สร้างทีมเวิร์คด้วยกิจกรรมท่องเที่ยวในชุมชน ,พบปะหารือแบบพิเศษ และเสนอส่วนลดพิเศษ รวมทั้งแพคเกจทัวร์อีกจำนวนมาก โดยเชื่อว่าโครงการนี้ จะเป็นส่วน่วบให้ภาคการท่องเที่ยว ในส่วนของตลาดไทยเที่ยว เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่า จะเกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศไม่ตำ่กว่า 80-100 ล้านคนครั้ง สร้างรายได้หมุนเวียนกว่า 400,000-500,000 ล้านบาท นอกจากนี้ หน่วยงานที่รวมใจช่วยสร้างชาติ ช่วยเหลือผู้ประกอบการจากวิกฤตโควิด-19 จะได้รับของรางวัล ใบรับรอง และโล่ประกาศเกียรติคุณจากนายกรัฐมนตรี ผ่านการสะสมคะแนนการช่วยเหลือผู้ประกอบการ รวมทั้งยังมีรางวัลสำหรับผู้ใช้จ่ายมากที่สุด และการมอบของสมนาคุณต่างๆ ให้แก่องค์กรและนิติบุคคลที่ร่วมซื้อแพคเกจในโครงการอีกด้วย โดยผู้ที้สนใจสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซค์ workationthailand.com

 

-เล็งหารือปลดล็อกเราเที่ยวด้วยกัน
นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนของการปรับเงื่อนไขโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ขณะนี้ได้หารือร่วมกับสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในการหารือถึงการปรับเงื่อนไขของเราเที่ยวด้วยกัน เพื่อให้มีความน่าสนใจและกระตุ้นการท่องเที่ยวได้มากขึ้น แม้ในช่วงที่ผ่านมา จำนวนห้องพักจะถูกผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิเที่ยวประมาณ 10,000 ห้องพักต่อวัน แต่จำนวนห้องพักก็ยังเหลือสิทธิค่อนข้างเยอะ ทำให้ต้องกลับมาประเมินกำลังซื้อ และวิธีการดำเนินการ อาทิ ขั้นตอนการลงทะเบียนอาจเข้าถึงคนบางกลุ่มได้ยาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงวัย จึงต้องมาปรับเปลี่ยนวิธีการต่างๆ ให้ง่ายมากขึ้น อาทิ การปลดล็อกภูมิลำเนา ให้เที่ยวในจังหวัดที่อยู่อาศัยได้ การจองล่วงหน้าได้เร็วขึ้นภายใน 1 วัน จากเดิม 3 วัน แต่ต้องหารือในเรื่องระบบเพิ่มเติมต่อไป

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง