รีเซต

KBANK โบรกฯ มองเชิงบวก-คาดมีโอกาสจ่ายปันผลพิเศษ

KBANK โบรกฯ มองเชิงบวก-คาดมีโอกาสจ่ายปันผลพิเศษ
ทันหุ้น
5 ตุลาคม 2568 ( 09:30 )
3

#KBANK #ทันหุ้น-บล.ฟินันเซีย ไซรัส มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK ยังคงมุ่งมั่นจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิปี 2568 และมีเป้าหมายอยู่ที่ 50-60% ในระยะกลาง โดยคาดว่า ROE จะอยู่ที่ไม่เกิน 8% ภายในปี 2570 ภายใต้แรงกดดันจากทิศทาง NIM ที่ลดลง และการเติบโตของสินเชื่อที่จำกัดเพียง 2% ต่อปี ขณะเดียวกันคาดว่ามีโอกาสจ่ายเงินปันผลพิเศษ โดยเลือกเป็นหุ้นเด่นของกลุ่ม แนะนำซื้อ ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 190 บาท จากเดิมอยู่ที่ 186 บาท

ฝ่ายวิจัยฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่าผู้บริหารของ KBANK กำลังพิจารณาทางเลือกในการกระจายเงินทุนเพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงการจ่ายเงินปันผลพิเศษและโครงการซื้อหุ้นคืน ทั้งนี้ KBANK ยังคงยึดมั่นที่จะรักษาความแข็งแกร่งของงบดุล โดยมีเป้าหมาย CET1 ratio อย่างน้อย 15% บวกด้วย buffer อีก 1–2% เพื่อรองรับผลกระทบที่อาจเกิดจากการปฏิรูป Basel III โดยหากสมมติว่า CET1 อยู่ในระดับปลอดภัยที่ 18% ฝ่ายวิจัยประเมินว่า CET1 ส่วนเกินที่ 0.7% อาจถูกนำมาใช้เป็นทุนสูงสุดเพื่อจ่ายปันผลพิเศษให้แก่ผู้ถือหุ้น คิดเป็นได้สูงสุดราว 7.74 บาทต่อหุ้น

อย่างไรก็ตาม การประกาศจ่ายปันผลพิเศษที่ 2.50 บาทในปี 2568 (ใกล้เคียงกับปี 2567) ก็น่าจะเป็นปัจจัยบวกเพียงพอในมุมมองของฝ่ายวิจัย ซึ่งจะเท่ากับผลตอบแทนเงินปันผลเพิ่มเติม 1.6% จากอัตราผลตอบแทนเงินปันผลพื้นฐานที่ 6%

ฝ่ายวิจัยได้ปรับลดประมาณการกำไรปี 2568-2570 ลง 8-16% จากสมมติฐาน NIM ที่ต่ำลง และการเติบโตสินเชื่อที่จำกัด แม้จะมีปัจจัยชดเชยบางส่วนจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และ credit cost ที่ต่ำลง หลังการปรับประมาณการและการเลื่อนราคาเป้าหมายไปเป็นปี 2569 ฝ่ายวิจัยกำหนดราคาเป้าหมายใหม่ที่ 190 บาท จากเดิม 186 บาท ประกอบกับโมเมนตัมบวกด้านเงินปันผล ยังคงคำแนะนำ“ซื้อ” หุ้น KBANK และเป็นหุ้นเด่นที่สุดในกลุ่มธนาคาร

**กรุงศรี แนะนำถือ

ด้านบล.กรุงศรี คงคำแนะนำถือในหุ้น KBANK ให้ราคาเป้าหมายที่ 170 บาท เพราะธนาคารรักษาระดับเงินปันผลต่อปี dividend yield ทรี่ าว 7% ได้ เพราะบริหารคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี ทั้งค่าใช้จ่ายสำรอง หรือ credit cost และ NPL

สำหรับผลดำเนินงานไตรมาส 3/68 คาดว่า KBANK จะมีกำไรสุทธิที่ 1.11 หมื่นล้านบาท ลดลง 7% YoY และลดลง 11% QoQ เนื่องจากมีปัจจัยกดดันจากการลดลงของ NIM จากดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับลง , การลดลงสินเชื่อรวม จากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ด้านคุณภาพสินทรัพย์ NPL Ratio คาดอยู่ที่ 3.25% เพิ่มขึ้นจาก 3.18% ในไตรมาส 2/68 จากความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง