รีเซต

แข็งแรงดี! หญิงปลูกถ่าย 'หัวใจ-ปอด' คนแรกของจีน คลอดลูกสาวแล้ว

แข็งแรงดี! หญิงปลูกถ่าย 'หัวใจ-ปอด' คนแรกของจีน คลอดลูกสาวแล้ว
Xinhua
17 ธันวาคม 2564 ( 14:46 )
61

ข่าววันนี้ เมื่อวันพฤหัสบดี (16 ธ.ค.) โรงพยาบาลท้องถิ่นมณฑลหูหนานทางตอนกลางของจีน แถลงข่าวกรณีหญิงวัย 28 ปี ผู้เคยรับการปลูกถ่ายหัวใจและปอดร่วมกัน ให้กำเนิดทารกหญิงสุขภาพแข็งแรงดีในวันที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมาโรงพยาบาลเซียงหย่าลำดับที่ 2 ของมหาวิทยาลัยจงหนาน เปิดเผยว่าหญิงคนดังกล่าวผู้ใช้นามแฝงว่าเสี่ยวอิง กลายเป็นผู้ป่วยรายแรกที่ได้รับการปลูกถ่ายหัวใจและปอดร่วมกัน และต่อมาเธอสามารถให้กำเนิดบุตร โดยทารกหญิงอายุหนึ่งเดือนและมารดาต่างมีสุขภาพแข็งแรงดีเสี่ยวอิงเคยประสบความทุกข์ทรมานจากการไม่มีหัวใจห้องล่างมาตั้งแต่กำเนิด กอปรกับภาวะความดันหลอดเลือดปอดสูงแบบทุติยภูมิ (secondary pulmonary hypertension) ซึ่งค่อยๆ พัฒนาเป็นกลุ่มอาการไอเซนเมนเกอร์ (Eisenmenger's syndrome)อย่างไรก็ดี เสี่ยวอิงได้รับการปลูกถ่ายหัวใจและปอดร่วมกันที่โรงพยาบาลฯ เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2014 และฟื้นตัวได้ดีด้วยความช่วยเหลือจากคณะแพทย์และพยาบาลปี 2020 เสี่ยวอิงแต่งงานและหวังจะให้กำเนิดบุตร แพทย์จากโรงพยาบาลฯ จึงหยุดใช้ยาที่ส่งผลต่อการตั้งครรภ์และพัฒนาการของทารกในครรภ์ล่วงหน้า ปรับยากดภูมิคุ้มกันและแผนกดภูมิคุ้มกันแบบทันที เพื่อช่วยเธอเตรียมตัวสำหรับการตั้งครรภ์และการคลอดบุตรโรงพยาบาลฯ ยังระดมเหล่าผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้คำปรึกษาหลายครั้ง และวางแผนการคลอดบุตรของเสี่ยวอิง โดยเธอได้รับการผ่าตัดคลอดในสัปดาห์ที่ 38 ของการตั้งครรภ์ และให้กำเนิดลูกสาว ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ภายใต้การเฝ้าติดตามดูแลของโรงพยาบาลฯโจวซินหมิน แพทย์จากโรงพยาบาลฯ กล่าวว่าสำหรับผู้ป่วยที่เคยปลูกถ่ายหัวใจและปอดอย่างเสี่ยวอิง ยากดภูมิคุ้มกันมีผลกระทบต่อไตและตับของเธอ ซึ่งถ้าเธอรับยามากเกินไปก็อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ขณะกระบวนการตั้งครรภ์และการคลอดบุตรสร้างความเสี่ยงสูง เพราะสภาพร่างกายของเสี่ยวอิงไม่เอื้ออำนวยต่อการตั้งครรภ์ ดังนั้นไม่ควรรับประทานยากดภูมิคุ้มกันหรือรับประทานมันมากเกินไป และหากใช้ยาไม่ถูกต้อง อุบัติการณ์ของโรคในครรภ์จะเพิ่มขึ้นด้วยหลีจื้อหง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลฯ กล่าวว่าผู้รับการปลูกถ่ายหัวใจและปอดรายนี้ตั้งครรภ์และคลอดบุตรได้สำเร็จ ซึ่งทำให้เราได้รับประสบการณ์ในกระบวนการดูแลรักษา ที่จะช่วยให้เราให้บริการผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายคลึงกันได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง