รีเซต

แนวโน้มใช้บุหรี่ไฟฟ้าในไทยพุ่ง เด็กประถมรู้จัก-เคยลองกว่า 70%

แนวโน้มใช้บุหรี่ไฟฟ้าในไทยพุ่ง เด็กประถมรู้จัก-เคยลองกว่า 70%
TNN ช่อง16
11 มิถุนายน 2568 ( 16:06 )
21

บุหรี่ไฟฟ้าในไทยพุ่งแรง แพทย์-นักวิชาการรวมพลังเร่งสกัด

ในรอบ 10 ปี อัตราการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยเพิ่มขึ้นกว่า 1,800% จากปี 2557 ที่มีผู้ใช้ราว 48,336 คน เป็นกว่า 900,459 คนในปี 2567 คิดเป็น 1.52% ของประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป ขณะที่ผู้สูบบุหรี่ทั้งหมดในประเทศมีอยู่กว่า 9.7 ล้านคน โดยส่วนใหญ่ยังไม่รู้เท่าทันกลยุทธ์การตลาดที่มุ่งเป้าไปยังกลุ่มเยาวชนอย่างเป็นระบบ

การระดมความร่วมมือระหว่างภาคการแพทย์และนักวิชาการเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนเกิดขึ้นอีกครั้งในการเสวนา “รู้ทันบุหรี่ไฟฟ้า ภัยร้ายใกล้ตัวเด็กและเยาวชน” จัดโดยโครงการ “การสื่อสารเพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงเชิงประเด็น” ภายใต้การสนับสนุนของ สสส. เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรม Courtyard by Marriott Bangkok

บุหรี่ไฟฟ้ากำลังเจาะกลุ่มเด็กอย่างเป็นระบบ

ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ระบุว่า แนวโน้มการห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าทั่วโลกเพิ่มขึ้นจาก 13 ประเทศในปี 2557 เป็น 46 ประเทศในปี 2568 โดยส่วนใหญ่ให้เหตุผลตรงกันว่า “ควบคุมไม่ได้” เนื่องจากกลยุทธ์การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นเด็กและเยาวชน เช่น รสชาติกว่า 1,000 ชนิด รูปทรงคล้ายของเล่น และการโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดีย

ในประเทศไทย บุหรี่ไฟฟ้าได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของพฤติกรรมเสี่ยงในวัยรุ่น ซึ่งวัยรุ่นที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้มสูงที่จะหันไปสูบบุหรี่มวน หรือใช้ยาเสพติดชนิดอื่นตามมา

บุหรี่ไฟฟ้าในคราบของเล่น “ทอยพอด-พอดจมูก” ลวงตาเด็ก

อ.ดร.ศรีรัช ลาภใหญ่ จากคณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.มหิดล ชี้ว่า บริษัทผู้ผลิตกำลังรุกเข้าสู่ตลาดเยาวชนอย่างจงใจ ผ่านผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า “ทอยพอด” และล่าสุด “พอดจมูก” หรือ “Nose Pod” ซึ่งมีลักษณะคล้ายยาดมหรือของเล่น ทำให้ผู้ใช้วัยเยาว์ไม่รู้ว่าเป็นยาสูบ

แม้ควันจะเบาบางกว่า แต่สารประกอบ เช่น นิโคติน ยังคงอยู่ในระดับสูง และมีอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจและพัฒนาการของสมองอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในช่วงวัยเรียนรู้และควบคุมอารมณ์

เสียงจากแพทย์ "น่ากลัวกว่าที่คิด"

ผศ.นพ.วรวุฒิ เชยประเสริฐ (หมอวิน) ระบุว่า เด็กที่เริ่มใช้บุหรี่ไฟฟ้า มีแนวโน้มได้รับนิโคตินในปริมาณสูงกว่าการสูบบุหรี่มวน อีกทั้งด้วยความที่ใช้งานง่าย ไม่ต้องใช้ไฟ จุดไฟ หรือกลิ่นเหม็น จึงทำให้เสพติดได้รวดเร็ว และเลิกได้ยากยิ่งกว่า โดยเด็กมักไม่รู้ตัวว่าได้รับนิโคตินในระดับอันตราย

เด็กประถมรู้จักหมด สัญญาณอันตรายจากภาคสนาม

ยศวดี ดิสสระ ตัวแทนเครือข่ายนักสื่อสารเยาวชน เปิดเผยข้อมูลจากกิจกรรมภาคสนามว่า เด็กนักเรียนชั้นประถมกว่า 70% รู้จักหรือเคยลองบุหรี่ไฟฟ้า และบางคนเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ที่บ้านก็ใช้และขายด้วย” สะท้อนความเข้าใจผิดของครอบครัวว่า บุหรี่ไฟฟ้าไม่เสพติดและไม่เป็นพิษภัย

ยิ่งไปกว่านั้น มีครูในต่างจังหวัดพบว่าผู้ปกครองกลับไม่พอใจเมื่อครูยึดบุหรี่ไฟฟ้าจากเด็ก เพราะเข้าใจว่าเป็นของขวัญราคาสูง ไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมายหรืออันตราย


สถิติเผยพฤติกรรมใช้บุหรี่ไฟฟ้าในไทยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอดทศวรรษที่ผ่านมา โดยในปี 2557 มีผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพียง 48,336 คน หรือคิดเป็น 0.10% ของประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป แต่ในปี 2567 ตัวเลขนี้พุ่งขึ้นถึง 900,459 คน หรือ 1.52% จากผู้สูบบุหรี่ทั้งหมดราว 9.7 ล้านคน สะท้อนให้เห็นว่าบุหรี่ไฟฟ้าเริ่มกลายเป็นทางเลือกใหม่ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น แม้จะยังอยู่ภายใต้ข้อห้ามจำหน่ายในประเทศไทย

แนวโน้มนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในไทย แต่ทั่วโลกเริ่มตระหนักถึงปัญหาเดียวกัน โดยจำนวนประเทศที่ประกาศ “ห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า” เพิ่มขึ้นจาก 13 ประเทศในปี 2557 เป็น 46 ประเทศในเดือนพฤษภาคม 2568 สะท้อนความพยายามของนานาประเทศในการควบคุมการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน

ทั้งนี้ ข้อมูลภาคสนามยังชี้ว่า เยาวชนไทยจำนวนมากมีความเสี่ยงสูงต่อการใช้บุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะในเขตเมือง เช่น กรุงเทพมหานคร ที่มีรายงานว่า เด็กระดับประถมศึกษามากกว่า 70% เคยลองใช้บุหรี่ไฟฟ้ามาแล้ว ขณะที่ในกลุ่มวัยรุ่น 7 ใน 10 คนที่เริ่มสูบบุหรี่แบบมวน จะไม่สามารถเลิกได้ตลอดชีวิต สะท้อนให้เห็นถึงความรุนแรงของการเสพติดสารนิโคตินตั้งแต่อายุยังน้อย

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง