NCL จ้องโกยงานรัฐ 800 ล. จ่อดันบริษัทลูกเข้าเทรด
บิ๊ก NCL “พงษ์เทพ วิชัยกุล” ส่งสัญญาณเตรียมโกยงานราชการช่วงครึ่งปีหลังราว 700-800 ล้านบาท คาดชัดเจนหลังตั้งรัฐบาลใหม่แล้วเสร็จ ส่วนธุรกิจโลจิสติกส์คาดกวาดรายได้ปีนี้ 1 พันล้านบาท พร้อมเดินหน้าดันบริษัทลูกเข้าตลาดหลักทรัพย์ปีหน้า
นายพงษ์เทพ วิชัยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NCL เปิดเผยว่า ภาพโดยรวมของธุรกิจโลจิสติกส์ในปัจจุบันยังมีทิศทางที่ดี ซึ่งมองทิศทางค่าระวาง (เฟรท) คาดว่าจะทรงตัว โดยประเมินรายได้ปีนี้อยู่ที่กว่า 1 พันล้านบาท จากปีก่อนที่ 2 พันล้านบาท เนื่องจากค่าเฟรทอยู่ในระดับสูง
ส่วน Non Logistic ปัจจุบันมีโอกาสได้รับงานราชการในช่วงครึ่งปีหลัง จากการทำระบบติดกล้อง ผ่านบริษัทลูก บริษัท โกลเด้น ซัพพลาย จำกัด ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะมีงานมูลค่า 200-300 ล้านบาท จำนวน 2-3 โครงการ โดยคาดว่าจะได้รับงานปีนี้ 700-800 ล้านบาท และจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ ไปจนถึงปีหน้า
** ดันบ.ลูกเข้าตลาด
ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างนำบริษัทลูก บริษัท ชีส ดิจิตอล เน็ตเวิร์ค จํากัด ที่ถืออยู่ 25% เข้าตลาดหลักทรัพย์ในปีหน้า โดยจะยื่นไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ภายในปีนี้
“ภาพโดยรวมปีนี้ยังดีอยู่ จะเริ่มมีงานราชการในส่วนของนอนโลจิสติกส์เข้ามาประมาณ 2-3 งาน มูลค่า 200-300 ล้านบาท ส่วนเรื่องของการลงทุนยังดูอยู่ แต่ภาพรวมบรรยากาศการลงทุนช่วงนี้ยังไม่ค่อยดี รอให้ภาพเศรษฐกิจดีก่อน รวมถึงรอรัฐบาลใหม่เข้ามา น่าจะทำให้ภาพรวมดีขึ้น” นายพงษ์เทพ กล่าว
ขณะที่ก่อนหน้านี้ กรรมการผู้จัดการ NCL กล่าวว่า บริษัทมีแผนปรับโครงสร้างธุรกิจเป็นโฮลดิ้ง โดยมีทั้งธุรกิจโลจิสติกส์ และ Non-Logistic สำหรับธุรกิจโลจิสติกส์บริษัทจะปรับลดสเกลตู้คอนเทนเนอร์ที่สิงคโปร์ลง เนื่องจากไม่ส่งผลต่อผลประกอบการโดยรวม
ทั้งนี้บริษัทต้องการเดินหน้าธุรกิจที่สร้างผลตอบแทนสูง เพื่อผลักดันความแข็งแกร่งให้กับบริษัท แต่อย่างไรก็ตามธุรกิจโลจิสติกส์จะยังอยู่ในพอร์ตธุรกิจของ NCL แต่อาจจะปรับลดขนาด หรือลดสัดส่วนรายได้ลง ขณะที่ธุรกิจที่บริษัทจะขยายต่อไปในอนาคต คือธุรกิจวาณิชธนากร (IB) หรือที่ปรึกษาทางการเงิน เนื่องจากทีมบริหารเองมีความเชี่ยวชาญ และเคยอยู่ในวงการ IB มาก่อน
** ทิศทางบริการ IB
อีกทั้งเห็นทิศทางความต้องการใช้บริการ วาณิชธนากร (IB) หรือที่ปรึกษาทางการเงิน มีความต้องการใช้บริการมาก นอกจากนี้บริษัทต้องการขยายบริการไปในส่วนผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (Underwriter) ที่เข้ามาช่วยขายหลักทรัพย์ของบริษัทให้แก่ประชาชน สำหรับรูปแบบการลงทุน บริษัทจะเข้าซื้อกิจการโบรกเกอร์ซึ่งมีใบอนุญาต หรือใบ License เพื่อดำเนินธุรกิจต่อได้ทันที
นอกจากนี้บริษัทมีแผนจะผลักดันธุรกิจไอที ซึ่งบริษัทเข้าลงทุนก่อนหน้านี้ ให้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ อนึ่งบริษัทเข้าลงทุนและรับโอนกิจการทั้งหมด (Entire Business Transfer) ของบริษัท บีโอบี โฮลดิ้ง จำกัด (BOB) ซึ่ง BOB ถือหุ้นของบริษัท ชีส ดิจิตอล เน็ตเวิร์ค จำกัด หรือ CDN ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ Digital Marketing Services จำนวน 125,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วน 25%