อิสราเอลขยายนิคมชาวยิวในเวสต์แบงก์ ไม่สนขัดแย้ง

เบซาลัล สโมทริช รัฐมนตรีคลังของอิสราเอล แถลงเมื่อวานนี้ (พฤหัสบดี) ว่า รัฐบาลอิสราเอล อนุมัติสร้างนิคมชาวยิวแห่งใหม่ 22 แห่งในเขตยึดครองเวสต์แบงก์ นับเป็นการขยายนิคมชาวยิวครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี และถือเป็นการเคลื่อนไหวที่อาจสร้างความแยกแยกอย่างรุนแรงกับพันธมิตร ที่ขู่ว่าจะใช้มาตรการคว่ำบาตรต่ออิสราเอล หากดำเนินการดังกล่าว
สโมทริช นักการเมืองชาตินิยมสุดโต่งที่สนับสนุนอำนาจอธิปไตยของอิสราเอลเหนือเขตเวสต์แบงก์ เขียนใน X ว่า การตั้งถิ่นฐานชาวยิวจะอยู่ในเวสต์แบงก์ตอนเหนือ โดยไม่ได้ระบุว่าอยู่ที่ใด
ส่วนสื่อของอิสราเอล อ้างถ้อยแถลงของกระทรวงกลาโหม ที่ระบุว่า ในจำนวนนิคมใหม่นี้ จะมีการทำให้ "นิคม" ที่มีอยู่เดิม กลายเป็นสถานที่ถูกกฎหมาย และจะมีการสร้างนิคมใหม่ขึ้นมาด้วย
ด้านคณะบริหารปาเลสไตน์ ที่สนับสนุนโดยชาติตะวันตก ซึ่งปกครองเขตเวสต์แบงก์อย่างจำกัด และกลุ่มฮามาส ที่อยู่ในฉนวนกาซาเป็นส่วนใหญ่ ประณามการตัดสินใจดังกล่าวของอิสราเอล
นอกจากนี้ หลังการประกาศดังกล่าว องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนชั้นนำของอิสราเอล เบตเซเลม (B’Tselem) ซึ่งต่อต้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวปาเลสไตน์ กล่าวหารัฐบาลฝ่ายขวาว่า "ส่งเสริมอำนาจสูงสุดของชาวยิวโดยการขโมยดินแดนของชาวปาเลสไตน์ และการกวาดล้างชาติพันธุ์ในเขตเวสต์แบงก์"
ในแถลงการณ์ฉบับหนึ่ง เบตเซเลม ยังได้วิพากษ์วิจารณ์ประชาคมระหว่างประเทศด้วยว่า “เปิดโอกาสให้อิสราเอลก่ออาชญากรรม”
การตัดสินใจของรัฐบาลอิสราเอล ได้รับเสียงชื่นชนจากยิสราเอล แกนซ์ ประธานสภาเยชา ซึ่งเป็นผู้แทนนิคมชาวยิว และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล แกนซ์กล่าวว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าว เป็นการตอบโต้ความพยายามของทางการปาเลสไตน์ในการก่อตั้งรัฐอิสระ
ทั้งนี้ อิสราเอลได้สร้างนิคมชาวยิวประมาณ 160 แห่ง สำหรับชาวยิว 700,000 คน ได้อาศัยอยู่ร่วมกับชาวปาเลสไตน์ 2.7 ล้านคนในเขตเวสต์แบงก์และเยรูซาเลมตะวันออก ดินแดนหลายแห่งที่อิสราเอลยึดครองจากจอร์แดนในสงครามเมื่อปี พ.ศ. 2510 ในเวลาต่อมา อิสราเอลก็ผนวกเอาพื้นที่เยรูซาเลมตะวันออก ในปี 2523 ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่ได้รับการยอมรับจากประเทศคมโลก แต่ไม่ได้ขยายอำนาจอธิปไตยอย่างเป็นทางการเหนือเขตเวสต์แบงก์
อย่างไรก็ตาม ดินแดนเหล่านี้ เป็นดินแดนที่ปาเลสไตน์ต้องการ พร้อมด้วยฉนวนกาซา เพื่อสร้างเป็นรัฐอิสระในอนาคต