รีเซต

'สีจิ้นผิง-ไบเดน' หารือเชิงลึก ถกสัมพันธ์ทวิภาคี-ประเด็นโลก

'สีจิ้นผิง-ไบเดน' หารือเชิงลึก ถกสัมพันธ์ทวิภาคี-ประเด็นโลก
Xinhua
15 พฤศจิกายน 2565 ( 16:36 )
95
'สีจิ้นผิง-ไบเดน' หารือเชิงลึก ถกสัมพันธ์ทวิภาคี-ประเด็นโลก

บาหลี, อินโดนีเซีย, 15 พ.ย. (ซินหัว) -- เมื่อวันจันทร์ (14 พ.ย.) สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเชิงลึกอย่างตรงไปตรงมากับโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในประเด็นอันมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ต่อความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ รวมถึงประเด็นสำคัญระดับโลกและภูมิภาค ก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม จี20 (G20) ในจังหวัดบาหลีของอินโดนีเซีย

 

สีจิ้นผิงชี้ว่าสถานะความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ในปัจจุบันไม่ได้ตั้งอยู่บนผลประโยชน์ขั้นพื้นฐานของประชาชนและประเทศทั้งสอง และไม่เป็นไปตามที่ประชาคมระหว่างประเทศคาดหวัง โดยจีนและสหรัฐฯ จำต้องสำนึกรับผิดชอบต่อประวัติศาสตร์ ต่อโลก และต่อประชาชน เสาะหาแนวทางอันถูกต้องในการอยู่ร่วมกับอีกฝ่ายในยุคใหม่ กำกับดูแลความสัมพันธ์ให้อยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง และนำพาความสัมพันธ์กลับคืนสู่เส้นทางการเติบโตอันแข็งแกร่งและมีเสถียรภาพ เพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศและทั่วโลกสีจิ้นผิงอ้างถึงการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิวต์จีน (CPC) ครั้งที่ 20 และผลลัพธ์สำคัญของการประชุมฯ โดยชี้ว่า นโยบายภายในประเทศและต่างประเทศของพรรคฯ และรัฐบาลจีนนั้นเปิดกว้างและโปร่งใส พร้อมมีเจตจำนงเชิงกลยุทธ์ที่ชัดเจนและโปร่งใส รวมถึงมีความต่อเนื่องและเสถียรภาพในระดับสูงจีนเดินหน้าฟื้นฟูชาติในทุกด้านผ่านเส้นทางสู่ความทันสมัยของจีน พยายามบรรลุเป้าหมายเพื่อตอบสนองความต้องการมีชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน มุ่งมั่นปฏิรูปและเปิดกว้างอย่างแน่วแน่ และส่งเสริมการสร้างเศรษฐกิจโลกที่เปิดกว้าง ขณะยังคงยึดมั่นการดำเนินนโยบายต่างประเทศแห่งสันติภาพที่เป็นอิสระ กำหนดจุดยืนและทัศนคติในประเด็นต่างๆ จากข้อเท็จจริงเสมอมา และสนับสนุนการแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติผ่านการเจรจาหารือสีจิ้นผิงกล่าวว่าจีนมุ่งมั่นกระชับและขยายการเป็นหุ้นส่วนกับทั่วโลก คุ้มครองระบบระหว่างประเทศที่มีสหประชาชาติเป็นแกนกลางและระเบียบระหว่างประเทศที่อยู่บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ และสรรสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันสำหรับมวลมนุษยชาติ โดยจีนจะยังคงยึดมั่นการพัฒนาอย่างสันติ เปิดกว้าง และได้ประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย มีส่วนร่วมและสนับสนุนการพัฒนาระดับโลก ตลอดจนเดินหน้าพัฒนาร่วมกับนานาประเทศทั่วโลกปัจจุบันโลกก้าวสู่จุดหักเหสำคัญในประวัติศาสตร์ นานาประเทศจึงจำเป็นต้องรับมือกับความท้าทายที่ไม่เคยพานพบและไขว่คว้าโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งถือเป็นบริบทใหญ่ที่ทั้งสองฝ่ายใคร่ควรพิจารณาและจัดการความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ โดยความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ไม่ควรเป็นเรื่องของเกมที่มีผู้แพ้ผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียว เพราะความสำเร็จของจีนและสหรัฐฯ เป็นโอกาสของกันและกัน มิใช่ความท้าทาย โลกใบนี้กว้างใหญ่พอสำหรับสองประเทศที่จะพัฒนาและเจริญรุ่งเรืองร่วมกันจีน-สหรัฐฯ ควรสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับนโยบายภายในประเทศและต่างประเทศ และเจตจำนงเชิงกลยุทธ์ของกันและกัน ปฏิสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐฯ ควรถูกกำหนดโดยการเจรจาหารือและความร่วมมือแบบได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่การเผชิญหน้าและการแข่งขันแบบมีผู้แพ้ผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวสีจิ้นผิงระบุว่าเขาให้ความสำคัญกับแถลงการณ์ "สิ่งไม่ทำ 5 ประการ" ของไบเดนอย่างจริงจัง จีนไม่ได้พยายามเปลี่ยนแปลงระเบียบระหว่างประเทศที่มีอยู่หรือแทรกแซงกิจการภายในของสหรัฐฯ และไม่มีเจตนาท้าทายหรือก้าวขึ้นมาแทนที่สหรัฐฯ ทั้งสองฝ่ายควรเคารพกันและกัน อยู่ร่วมกันอย่างสันติ แสวงหาความร่วมมือที่ได้ประโยชน์ทุกฝ่าย และร่วมทำงานเพื่อรับรองว่าความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ เดินหน้าบนเส้นทางที่ถูกต้อง โดยไม่หลงทิศทางหรือสูญเสียความเร็ว และไม่เกิดการปะทะกันการปฏิบัติตามบรรทัดฐานขั้นพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และแถลงการณ์ร่วมจีน-สหรัฐฯ ทั้งสามฉบับ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อทั้งสองฝ่ายในการจัดการความแตกต่างและข้อเห็นต่าง รวมถึงป้องกันการเผชิญหน้าและความขัดแย้ง ทั้งเปรียบเสมือนราวกันตกและตาข่ายความปลอดภัยอันสำคัญที่สุดสำหรับความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯสีจิ้นผิงยังกล่าวถึงที่มาของปัญหาไต้หวันและจุดยืนเชิงหลักการของจีนอย่างครบถ้วน โดยปัญหาไต้หวันถือเป็นแกนกลางของผลประโยชน์หลักของจีน มูลฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ และเส้นแดงแรกที่ต้องไม่ก้าวข้ามในความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯการแก้ไขปัญหาไต้หวันเป็นเรื่องของประชาชนชาวจีนและกิจการภายในของจีน ชาวจีนและชาติจีนต่างวาดหวังจะบรรลุการรวมชาติและคุ้มครองบูรณภาพแห่งดินแดน ใครก็ตามที่พยายามแบ่งแยกไต้หวันออกจากจีนจะถือเป็นการละเมิดผลประโยชน์ขั้นพื้นฐานของชาติจีน และประชาชนชาวจีนจะไม่ปล่อยให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นโดยเด็ดขาดจีนยึดมั่นและหวังจะเห็นสันติภาพและเสถียรภาพทั่วช่องแคบไต้หวัน ทว่าสันติภาพและเสถียรภาพของช่องแคบกับ กลุ่ม "เอกราชไต้หวัน" นั้นไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้เฉกเช่นน้ำกับไฟ จึงหวังว่าฝ่ายสหรัฐฯ จะลงมือทำตามสิ่งที่ได้ลั่นวาจาไว้ และปฏิบัติตามนโยบายจีนเดียวและแถลงการณ์ร่วมทั้งสามฉบับ โดยไบเดนกล่าวหลายครั้งว่าสหรัฐฯ ไม่สนับสนุนกลุ่ม "เอกราชไต้หวัน" และไม่มีเจตนาใช้ไต้หวันเป็นเครื่องมือแสวงหาข้อได้เปรียบในการแข่งขันกับจีนหรือกีดกันจีน จีนจึงหวังว่าฝ่ายสหรัฐฯ จะปฏิบัติตามคำเหล่านี้อย่างแท้จริงด้านไบเดนชี้ว่าเขารู้จักสีจิ้นผิงมานานหลายปี และยังคงติดต่อสื่อสารกันอยู่เสมอ ทว่าไม่มีช่องทางใดสามารถทดแทนการหารือแบบพบหน้าเช่นวันนี้ได้ พร้อมแสดงความยินดีกับสีจิ้นผิงที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการใหญ่ของคณะกรรมการกลางพรรคฯ และเสริมว่าสหรัฐฯ และจีนมีความรับผิดชอบรักษาความสัมพันธ์เชิงสร้างสรรค์ในฐานะสองประเทศขนาดใหญ่ฝ่ายสหรัฐฯ มุ่งรักษาช่องทางการสื่อสารระหว่างประธานาธิบดีทั้งสองและรัฐบาลทุกระดับ เพื่อจัดการสนทนาอย่างตรงไปตรงมาในประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายไม่เห็นพ้องต้องกัน และเสริมสร้างความร่วมมือที่จำเป็นและมีบทบาทสำคัญในการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความมั่นคงทางอาหาร และความท้าทายระดับโลกที่สำคัญอื่นๆ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อทั้งสองประเทศ ประชาชน ตลอดจนประชาคมโลกไบเดนย้ำว่าจีนที่มีเสถียรภาพและความมั่งคั่งนั้นเป็นผลดีต่อสหรัฐฯ และโลก โดยสหรัฐฯ เคารพระบบของจีน และไม่ได้แสวงหาการเปลี่ยนแปลงระบบดังกล่าว ขณะเดียวกันสหรัฐฯ ไม่ได้แสวงหาสงครามเย็นครั้งใหม่ ไม่ได้แสวงหาการฟื้นฟูกลุ่มพันธมิตรเพื่อต่อต้านจีน ไม่ได้สนับสนุน "เอกราชไต้หวัน" แนวคิด "สองจีน" หรือ "จีนเดียว ไต้หวันเดียว" และไม่มีเจตนาสร้างความขัดแย้งกับจีน โดยฝ่ายสหรัฐฯ ไม่มีเจตนา "แยกตัวจากจีน" เพื่อหยุดยั้งการพัฒนาทางเศรษฐกิจของจีน หรือควบคุมจีนวิธีการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ มีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของโลก โดยสหรัฐฯ และจีนมีความรับผิดชอบร่วมกันในการแสดงให้โลกเห็นว่าทั้งสองประเทศสามารถจัดการความแตกต่าง และหลีกเลี่ยงป้องกันการเข้าใจผิดและการรับรู้ที่บิดเบือนหรือการแข่งขันดุเดือดอันนำไปสู่การเผชิญหน้าหรือความขัดแย้งไบเดนกล่าวว่าฝ่ายสหรัฐฯ เห็นพ้องว่าการวางแผนหลักการต่างๆ สำหรับชี้นำความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนเป็นสิ่งจำเป็น ทั้งสองฝ่ายอาจหารือกันต่อไปบนพื้นฐานของความเข้าใจร่วมกันที่มีอยู่แล้วและพยายามบรรลุข้อตกลงในเร็ววัน โดยรัฐบาลสหรัฐฯ ยึดมั่นนโยบายจีนเดียว ไม่ได้พยายามหยิบยกปัญหาไต้หวันมาเป็นเครื่องมือควบคุมจีน และหวังจะเห็นสันติภาพและเสถียรภาพทั่วช่องแคบไต้หวัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง