รีเซต

ม.หอการค้าแนะ 'เราชนะ' ควรใช้กับร้านค้า เหมือน 'คนละครึ่ง' ต่อลมหายใจเอสเอ็มอี

ม.หอการค้าแนะ 'เราชนะ' ควรใช้กับร้านค้า เหมือน 'คนละครึ่ง' ต่อลมหายใจเอสเอ็มอี
มติชน
18 มกราคม 2564 ( 11:44 )
36
ม.หอการค้าแนะ 'เราชนะ' ควรใช้กับร้านค้า เหมือน 'คนละครึ่ง' ต่อลมหายใจเอสเอ็มอี

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิบดีการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ตอนนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 อยู่ในระดับที่สามารถควบคุมดูแลได้ จนผู้ติดเชื้อต่อวันเริ่มลดน้อยลง ผลมาจากการตรวจค้นหาโรคเชิงรุกตามคลัสเตอร์ที่เริ่มมีการแพร่ระบาด อย่างชุมชนที่มีแรงงานต่างด้าวอาศัยเป็นจำนวนมาก ,บ่อนการพนัน และผับบาร์ ซึ่งสถานการณ์น่าจะเริ่มคลายตัวลงในเดือนกุมภาพันธ์ ประกอบกับทางรัฐบาลเร่งจัดหาวัคซีนให้กับประชาชน โดยรัฐบาลเล็งเห็นว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้น จึงประกาศจัดให้มีการเลือกตั้งระดับเทศบาล ในวันที่ 21 มีนาคม 2563

 

ทั้งนี้ ทางศูนย์ฯได้ประเมินความเสียหายทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 1/2564 ที่มาตรการล็อกดาวน์ไม่เข้มข้น อยู่ที่ 1.5-2 แสนล้านบาท ซึ่งรัฐบาลก็ได้พยายามใส่เงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ในจำนวนเท่าที่เท่ากับหรือมากกว่าตัวเลขความเสียหายทางเศรษฐกิจ ก็จะช่วยพยุงเศรษฐกิจไม่ให้ย่ำแย่ลง

 

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า โครงการคนละครึ่ง มีประสิทธิภาพมากที่ทำให้เงินเกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ช่วยเหลือธุรกิจขนาดลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และทำให้เกิดการจ้างงาน แต่ด้วยโครงการคนละครึ่งยังไม่ถึงระยะเวลาสิ้นสุดโครงการ และยังมีสิทธิคงค้างอยู่ ทำให้รัฐบาลเลือกใช้วิธีโอนเงินโดยตรงในโครงการเราชนะ ให้กับผู้ที่เดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19 และให้ครอบคลุมกับประชาชนที่มีรายได้น้อยถึงปานกลาง เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ช่วยชดเชยกับมูลค่าทางเศรษฐกิจที่หายไปด้วย

 

สำหรับโครงการเราชนะที่จะแจกเงินให้เปล่า 3,500 บาท/เดือน เป็นเวลา 2 เดือน ไม่ได้มีหลักเกณฑ์ว่าให้ไปซื้อสินค้าที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน อย่าง อาหาร เครื่องอุปโภคบริโภค ซึ่งเห็นว่าควรให้เกณฑ์การใช้เงินกับร้านค้าแบบโครงการคนละครึ่งมากกว่า เพราะไม่แน่ใจว่าเงิน 3,500 บาท จะไปใช้ในลักษณะที่ไม่ก่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ เช่น การซื้อของฟุ่มเฟือย การซื้อของที่ไม่ได้ผลิตภายในประเทศ ทำให้เงินเหล่านี้อาจจะไม่ได้ไปช่วยกับธุรกิจเอสเอ็มอีโดยตรง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง