รีเซต

ไขรหัส MEDEZE มาร์จิ้นสูง มือฉมังสเต็มเซลล์

ไขรหัส MEDEZE มาร์จิ้นสูง มือฉมังสเต็มเซลล์
ทันหุ้น
20 กันยายน 2567 ( 07:01 )
30

#MEDEZE #ทันหุ้น - รู้จัก MEDEZE เบอร์ 1 ด้านสเต็มเซลล์” ที่กำลังจะไอพีโอเข้าตลาดหลักทรัพย์ และความน่าทึ่งของอัตรากำไรสุทธิที่สูงถึง 34% ชูแนวโน้มสเต็มเซลล์ทารกเติบโตดี พร้อมเทคโนโลยีการจัดเก็บสเต็มเซลล์จากไขมันที่เก็บได้ทุกช่วงอายุวัย และอนาคตหลังไอพีโอสเต็มเซลล์จากรากผม ที่มีโอกาสการเติบโตสูง

 

นพ.วีรพล เขมะรังสรรค์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการตรวจวิเคราะห์ คัดแยก เพาะเลี้ยง และรับฝากเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem Cells และตรวจศักยภาพเซลล์ภูมิคุ้มกัน (NK Cells) เปิดเผยกับ "ทันหุ้น" ว่า บริษัทกำลังจะขายหุ้นไอพีโอให้กับประชาชน ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการเตรียมตัวที่ เซ็นแต่งตั้งผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น MEDEZE โดยจะขายหุ้นไม่เกิน 268 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.09% ของจํานวนหุ้นทั้งหมดหลังไอพีโอ

 

ทั้งนี้บริษัทนับเป็นผู้ที่ให้บริการด้าน Stem Cells ที่มีมาร์เก็ตแชร์สูงสุดอันดับ 1 เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญด้านการเก็บ และเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีบุคลากรชั้นนำในวงการเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) ซึ่งหนึ่งในผู้ก่อตั้งคือ รศ.ดร.รังสรรค์ พาลพ่าย ที่เคยดำเนินการด้านโคลนนิ่งมาก่อน ซึ่งการโคลนนิ่งเป็นสิ่งที่ยากกว่า สเต็มเซลล์

 

ขณะที่ “สเต็มเซลล์” มักถูกนำไปใช้กับอวัยวะที่เสื่อมสภาพ เช่น ผิวหนัง ข้อเข่า รวมไปถึงอวัยวะอื่นๆ

 

การดำเนินธุรกิจของบริษัทให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีความแข็งแกร่งในด้านเครือข่ายแพทย์ในสถานพยาบาลชั้นนำในประเทศ ไปจนถึงการมีห้องปฏิบัติการปลอดเชื้อระดับคลีนรูม คลาส 100 พร้อมด้วยอุปกรณ์และเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยทำให้บริษัทมีประสิทธิภาพในการดำเนินงานและเป็นที่ยอมรับจนมาร์เก็ตแชร์พุ่งสูงในไทย

 

@โครงการสร้างรายได้

 

โดยโครงสร้างรายได้ของบริษัท มาจาก 1.รายได้จากการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดที่เก็บจากเนื้อเยื่อสายสะดือ หรือการเก็บเนื้อเยื่อจากทารก สัดส่วนราว 54% ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง เพราะแม้อัตราเด็กเกิดใหม่จะน้อย แต่การเกิดใหม่ที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้นและพ่อแม่นิยมที่จะเก็บสเต็มเซลล์มากขึ้น

 

2.รายได้จากการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดที่เก็บจากเนื้อเยื่อไขมันสัดส่วนรายได้ราว 17-19% ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่บริษัทได้มีการดำเนินการสามารถที่จะจัดเก็บสเต็มเซลล์ได้กับลูกค้าทุกช่วงอายุวัย และสามารถเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อนำสเต็มเซลล์มาในการดูแลร่างกาย โดยเทคโนโลยีนี้มีโอกาสที่จะเติบโตอีกมากในอนาคต และเชื่อว่าหลังจากเข้าตลาดแล้วจะมีผู้ใช้บริการด้านนี้มากขึ้น

 

นอกจากนี้บริษัทยังมีรายได้จากการทดสอบศักยภาพเซลล์ภูมิคุ้มคันสัดส่วนราว 15-16% และรายได้จากการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดที่เก็บจากเลือดสายสะดือ สัดส่วนรายได้ 9%

 

ในปี 2564-2566 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวม 484.14 ล้านบาท 645.11 ล้านบาท และ 713.31 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 21.38% ต่อปี และงวด 6 เดือนแรกปี 2567มีรายได้รวม 416.65 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 24.32% จากงวดเดียวกันในปี 2566

ขณะที่กำไรของบริษัทในปี 2564-2566 อยู่ที่ 112.06 ล้านบาท 147.19 ล้านบาท และ 239.57 ล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือนแรกปี 2567 กลุ่มบริษัทมีกำไร 145.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.81% จากงวดเดียวกันในปี 2566

 

โดยล่าสุดครึ่งปี 2567 บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 78.50% และมีอัตรากำไรสุทธิ 34.99%

 

@อนาคตเติบโตดี

 

นพ.วีรพล ยอมรับว่า อัตรากำไรที่สูงนั้นสะท้อนถึงความเชี่ยวชาญของบริษัทในการให้บริการและความสามารถในการด้านการเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์ที่สามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจุบันบริษัทมีสัญญาในการดำเนินการ 2.4 หมื่นสัญญา ท่ามกลางที่คนไทยที่เป็นกลุ่มระดับบน 3% ของประชากร ที่มีราว 1.4 ล้านคน ดังนั้นจึงมีโอกาสในการขยายธุรกิจได้มาก อย่างไรก็ดีโดยบริษัทจะเน้นการขยายธุรกิจเก็บจากเนื้อเยื่อไขมันมากขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังจะนำเงินระดมทุนครั้งนี้ไปดำเนินการด้านธุรกิจสเต็มเซลล์จากรากผมซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ ซึ่งจะการปลูกผมด้วยสเต็มเซลล์จะใช้เวลาน้อยกว่าการย้ายผม และเป็นผมใหม่มีความแข็งแรง ทำให้โรงพยาบาลและคลินิกผม ความงามต่างๆ มีโอกาสที่จะรับลูกค้าได้มากขึ้น

 

นอกจากนี้บริษัทยังจะเดินหน้าในการในการลงทุนติดตั้งระบบทําจัดเก็บเซลล์ด้วยหุ่นยนต์ (Robotic Cell Culture System) ซึ่งจะทำให้บริษัทขยายขีดความสามารถในการจัดเก็บได้มากขึ้นถึง 3 เท่า และเป็นการขยายขีดจำกัดด้านห้องปฏิบัติการปลอดเชื้อ

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง