รีเซต

เราเจออะไรกันบ้าง? ในสถานการณ์โควิด-19 ตลอดเดือนมิถุนายน 2564

เราเจออะไรกันบ้าง? ในสถานการณ์โควิด-19 ตลอดเดือนมิถุนายน 2564
TeaC
30 มิถุนายน 2564 ( 22:22 )
223
เราเจออะไรกันบ้าง? ในสถานการณ์โควิด-19 ตลอดเดือนมิถุนายน 2564

สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 แล้ว ตลอดเดือนที่ผ่านมาสถานการณ์โควิด-19 ถือว่าหนักหน่วงตั้งแต่ต้นเดือนที่ยอดผู้ติดเชื้อไล่ตั้งแต่สองพันราย ขยับขึ้นจนบางวันแตะครึ่งหมื่น และจำนวนผู้เสียชีวิตที่ทะยานขึ้นสูงไม่แพ้กันกระทั่งมากที่สุดในบางวันมีถึง 50 ราย เลยทีเดียว เป็นเดือนที่พบเหตุการณ์มากมายที่ชวนให้นึกถึงระบบสาธารณสุขที่เข้าขั้นวิกฤต มาตรการรัฐที่ประกาศวันนี้ พรุ่งนี้บอกเลิก ชวนให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เพราะกลับไปกลับมาจนคนฟังสับสนอลหม่านกันไปหมด เพราะไม่รู้ต้องปรับตัว ปรับใจอย่างไร วันนี้จะพาไปดูกันว่า เราเจออะไรกันบ้าง? ในสถานการณ์ COVID-19 ตลอดเดือนมิถุนายน

 

1. เดือนมิถุนายน 2564 ยอดผู้ติดเชื้อใหม่มากถึง 99,509 ราย โดยเฉลี่ยอยู่ที่วันล่ะ 3,000 รายนิด ๆ เมื่อเทียบผู้ติดเชื้อในเดือนพฤษภาคม และในเดือนนี้ยอดผู้ติดเชื้อมีจำนวนมากกว่ายอดผู้รักษาหาย ตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายนเป็นต้นมา จนส่อแววเริ่มมีปัญหาเตียงเต็ม 

 

2. ขณะที่ การลงทะเบียนจองคิวฉีดวัคซีนตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถือว่าประชาชนให้ความสนใจในเรื่องการเข้ารับวัคซีนกับทางภาครัฐที่เปิดให้ลงทะเบียนผ่านช่องทางต่าง ๆ มีการกระตุ้นการประชาสัมพันธ์และรณรงค์ให้ร่วมกันลงทะเบียน โดยเฉพาะกลุ่มแรก คือ กลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และ 7 กลุ่มโรคที่ควรฉีดวัคซีนโควิด-19
ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคไตวายเรื้อรัง, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคอ้วน
, โรคมะเร็ง, โรคเบาหวาน

 

3. เป็นเดือนที่ทั่วประเทศลุ้นว่า วัคซีนหลักของไทยอย่าง AstraZeneca จะผลิตและส่งมอบล็อตแรกทันก่อนวันดีเดย์วันฉีดวัคซีนหรือไม่ สุดท้ายฉิวเฉียดจนได้วัคซีนมาฉีดในวันคิกออฟ ฉีดวัคซีนแห่งชาติ 7 มิถุนายน 2564 ทั่วประเทศ ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 15 มิถุนายน 2564 ในเดือนมิถุนายนนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 -14 มิถุนายน 2564 เราสามารถฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้เพิ่ม 2,900,111 โดส เมื่อดูตัวเลขในแต่ละวันพบมีจำนวนเพิ่มขึ้น 

 

  • 1 มิถุนายน ฉีดวัคซีนได้ 88,859
  • 2 มิถุนายน ฉีดวัคซีนได้ 205,638
  • 3 มิถุนายน ฉีดวัคซีนได้ 56,019
  • 4 มิถุนายน ฉีดวัคซีนได้ 101,355
  • 5 มิถุนายน ฉีดวัคซีนได้ 47,559
  • 6 มิถุนายน ฉีดวัคซีนได้ 27,591
  • 7 มิถุนายน ฉีดวัคซีนได้ 416,847
  • 8 มิถุนายน ฉีดวัคซีนได้ 472,128
  • 9 มิถุนายน ฉีดวัคซีนได้ 336,674
  • 10 มิถุนายน ฉีดวัคซีนได้ 223,315
  • 11 มิถุนายน ฉีดวัคซีนได้ 305,980
  • 12 มิถุนายน ฉีดวัคซีนได้ 108,204
  • 13 มิถุนายน ฉีดวัคซีนได้ 106,882
  • 14 มิถุนายน ฉีดวัคซีนได้ 323,060

 

5. และในช่วงเดียวกันโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งต่างเริ่มประกาศการเลื่อนฉีดวัคซีน เพราะยังไม่ได้รับการจัดสรรวัคซีนอย่างเพียงพอ ซึ่งไม่ได้มีเพียงโรงพยาบาลเอกชนที่เลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปเท่านั้น ระบบการลงทะเบียนทั้งหมอพร้อม ไทยร่วมใจ ที่ดูแลโดยกรุงเทพมหานคร กระทรวงสาธารณสุขต่างทยอยประกาศเลื่อนวันฉีดวัคซีน และกระแสข่าวคราวการเลื่อนส่งวัคซีน AstraZeneca เกิดความล่าช้าก็ตามมาอีก

 

6. ประเด็นดังกล่าวทำให้เห็นถึงความขัดแย้งระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและกทม. เกี่ยวกับการจัดสรรวัคซีนแต่ละจังหวัด และสิ่งที่ทำให้ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์มากยิ่งขึ้นนั่นคือ การสื่อสารกันระหว่างองค์กร จนทำให้สื่อสังคม Social เหน็บถึงการทำงานว่า ไม่อ่านข้อความกลุ่มกันแน่ ๆ สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาภายใน กระทั่งภายหลัง กทม. สธ. และ ศบค. ออกโรงมาแถลงแผนฉีดวัคซีนร่วมกัน ก่อนบอกว่า ไม่ได้ทะเลาะกัน

 

7. เมื่อสถานการณ์การจัดสรรวัควีนเริ่มไม่เป็นไปตามเป้าที่วางแผนไว้ ผสมกับสถานการณ์โรคระบาดที่หนักหน่วง ไม่สู้ดีกับการแก้ปัญหา ประชาชนเริ่มขาดความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาลจน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ต้องออกมานั่งแถลงผ่านโทรทัสน์รวมการเฉพาะกิจเรียกความเชื่อมั่นอย่างยาวเหยียด สรุปสั้น ๆ ได้ใจความว่า ที่ผ่านมา มีการทำงานกันอย่างดี และแผนสำคัญที่จะประกาศวันนี้ คือจะเตรียมเปิดประเทศภายใน 120 วัน นับจากวันนี้ (16 มิถุนายน 64)

 

8. เมื่อถ้อยคำแถลงจากนายกฯ ส่อทำให้เกิดความสับสนอีกว่า 120 วันนั้นเริ่มนับจากวันไหน เพราะมีรัฐมนตรีออกมาบอกว่าเริ่ม 1 กรกฎาคม ขณะที่โฆษกนายกฯ กลับบอกว่า เป็นเพียงแค่ให้ทุกจังหวัดเตรียมตัว ไม่ใช่เคาท์ดาวน์ ยิ่งสร้างความสับสนและเกิดคำถามบนสังคมออนไลน์ว่า ไม่คุยกันอีกแล้ว

 

9. ปัญหาวัคซีนยังไม่พอ เริ่มมีปัญหาเตียงไม่พอตามมา และดูเหมือนว่าปัญหาเรื่องเตียงไม่เพียงพอส่อให้เห็นถึงการบริหารจัดการของภาครัฐ โดยยิ่งทำให้สังคมเกิดการตั้งคำถามต่าง ๆ นานา ถึงระบบสาธารณสุขที่กำลังจะล่มสลาย หลังนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขบอกว่าไม่มีเรื่องเตียงเต็ม กลับกันบนโลกโซเชียล เพจเฟซบุ๊กหลายโรงพยาบาลต่างโพสตืประกาศปิดรับผู้ป่วย และมีข่าวผู้เสียชีวิตระหว่างรอเตียงเพิ่มให้เห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ แถมเพจเฟซบุ๊กคนดังออกมาช่วยเหลือผู้ป่วยที่ต้องการเตียง

 

10. และเมื่อมีข่าวจะล็อกดาวน์ขึ้น ในวันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน 64 นายกรัฐมนตรีได้แถลงว่า จะยังไม่มีการล็อกดาวน์ แต่ปิดพื้นที่บางจุด เช่น ปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง และกักตัวแรงงาน มีผลบังคับใช้ในวันจันทร์ทื่ 28 มิถุนายน 64 แต่การประกาศของรัฐบาลดังกล่าวกลับทำให้คนงานของหลายแคมป์เดินทางกลับต่างจังหวัดหลังมีคำสั่งปิด

 
 
11. ถัดมามีประเด็นร้อนแรงอีก เมื่อมีการประกาศราชกิจจานุเบกษาออกมาในช่วงประมาณเที่ยงคืนของวันที่ 27 มิถุนายน 64 ถึงมาตรการพื้นที่ควบคุมสูงสุดใน 10 จังหวัด ได้แก่ กทม. ปริมณฑล และ 4 จังหวัดในภาคใต้ เป็นแบบ "กึ่งล็อกดาวน์" หรือถูกเรียกว่า การลับหลับ นั่นคือ ปิดแคมป์คนงาน ปิดไม่ให้นั่งกินในร้านอาหาร ให้เหลือแต่การส่งเดลิเวอรี่ หรือสั่งกลับเท่านั้น เป็นระยะเวลา 30 วัน
 
 
12. ประกาศดังกล่าวบอกล่วงหน้าก่อนบังคับใช้เพียง 1 วันเท่านั้น สร้างความอลหม่าน ส่งผลกระทบมากมาย ทั้งการเตรียมตัว การดำเนินธุรกิจของร้านอาหาร จนร้านอาหารต่างออกมาถล่มมาตรการดังกล่าว 
 
 
13. และประเด็นที่ถูกพูดถึงกับบทบาทความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรี เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ ออกมาแถลงข่าวด้วยการชูสองนิ้ว หัวเราะ และมีการเลือกใช้คำพูดเช่น ไม่ล็อกดาวน์นะจ๊ะ ในช่วงเวลาที่วิกฤตแบบนี้ จนทำให้แฮชแท็ก นะจ๊ะ ไต่ติดอันดับทวิตเตอร์ และเกิดเสียงวิพากา์วิจารณ์จากเหล่าคนดังมากมาย 
 
 
14. รัฐบาลประกาศมาตรการเยียวยาผู้ประกอบการธุรกิจก่อสร้าง ร้านอาหาร ด้วยงบประมาณ 7 พันล้านบาท พร้อมเกิดกระแสจากผู้ประกอบการรายหนึ่งโพสต์ข้อความสื่อถึงอารยะขัดขืนต่อมาตรการที่ไม่ให้นั่งกินในร้านอาหาร จนเกิดแฮชแท็กฮอตติดอันดับทวิตเตอร์อีกครั้ง #กูจะเปิดมึงจะทําไม 
 
 
15. จากนั้นกระแสยิ่งกระพือมากขึ้น เมื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ออกโรงโต้แคมเปญ #กูจะเปิดมึงจะทําไม ถามร้านอาหารว่าจะเอาอะไรอีก โวะ และนายกร เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว
 
 
16. กลายเป็นประเด็นร้อนแรงขึ้นไปอีก เรียกได้ว่า ตลอดเดือนมิถุนายน 2564 เป็นเดือนที่เกิดเหตุการณ์มากมาย ซึ่งมาตรการ การทำงานของรัฐสร้างความสับสนให้คนฟังตลอด แถมคงต้องติดเตามกันต่อว่า สถานการณ์โรคระบาดโควิดจะรุนแรงกว่าเดิมอีกเท่าตัวในเดือนกรกฎาคมหรือไม่ จำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นอีกไหม เพราะสายพันธุ์สารพัดอยู่รวมที่ประเทศไทยแล้ว แล้วประชาชนอย่างเรา ๆ จะไหวกันอยู่ไหม หากรัฐยังแก้ปัญหาไม่ตรงจุด
 
 
 
ไม่ไหวอย่าบอกไหว ยังไงก็ต้องดูแลตัวเอง ใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้ง ล้างมือบ่อย ๆ และเว้นระยะห่างทางสังคม ในเดือนกรกฎาคม เราจะต้องเจออะไรอย่าลืมติดตามบทสรุปได้ที่นี่ TrueID
 
 
 
เอาใจช่วยนะ เราต้องผ่านไปด้วยกัน
 
 
 
ข้อมูล : Posttoday, มติชน, ข่าวสด

 

--------------------

เกาะติดสถานการณ์โควิด-19  ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง