โลกร้อนทำน้ำแข็งขั้วโลกเหนือละลายเร็วจนน่าตกใจ

วันนี้ ( 22 ก.ย. 63 )ศูนย์ข้อมูลหิมะและน้ำแข็งแห่งชาติของสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลจากดาวเทียมที่บันทึกได้เมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา พบว่า ในปีนี้ผืนน้ำแข็งทะเลบริเวณขั้วโลกเหนือละลายเร็วกว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา 

ซึ่งตัวการที่ทำให้การเปลี่ยนแปลงบริเวณขั้วโลกเหนือนั้น มาจากคลื่นความร้อนจากไซบีเรียที่แผ่อิทธิพลเข้ามา มีผลให้น้ำแข็งละลายเร็วกว่าปกติ โดยระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม ถึง 5 กันยายนเป็นช่วงที่อุณหภูมิสูงขึ้น ทำให้ผืนน้ำแข็งยิ่งละลายรวดเร็วมากขึ้น ซึ่งเมื่อวัด พบว่าผืนทะเลน้ำแข็งขั้วโลกเหนือมีพื้นที่ราว 3 ล้าน 7 แสน 4 หมื่น ตารางกิโลเมตร 

เหตุการณ์ผืนน้ำแข็งทะเลขั้วโลกหดตัวลงเคยมีการบันทึกวิกฤตที่หนักที่สุดเอาไว้เมื่อปี 2555 ที่พบว่า ผืนน้ำแข็งทะเลละลาย ทำพื้นที่ลดลงเหลือ 3 ล้าน 4 แสนกว่าตารางกิโลเมตร ซึ่งการสูญเสียผืนน้ำแข็งทะเลน้ำมาซึ่งความเสี่ยงต่อชีวิตสัตว์ที่อาศัยอยู่ในขั้วโลกเหนือ ตั้งแต่หมีขั้วโลก แมวน้ำ แพลงตอน และสาหร่ายทะเล รวมทั้งยังส่งผลต่อระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น 

ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ แคว้นไซบีเรียเผชิญคลื่นความร้อนครั้งใหญ่อุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 38 องศาเซลเซียส สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ถึง 10 องศาเซลเซียส ซึ่งคลื่นความร้อนส่งผลให้เกิดไฟป่าอย่างรุนแรง และความร้อนที่เพิ่มสูงขึ้นยังเป็นปัจจัยทำให้น้ำแข็งในมหาสมุทรอาร์กติกบางส่วนละลายด้วย ซึ่งอากาศแปรปรวนสุดขั้วนี้ ผู้เชี่ยวชาญตั้งสมมติฐานว่า มนุษย์มีส่วนทำให้เกิดภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงขึ้น