CPALL ยอดสาขาเดิมดีหนุนอาหารพร้อมทาน

นางสาวปัณฑารีย์ นันทนาคม ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL เปิดเผยว่า บริษัทประเมินยอดขายต่อสาขา (SSSG) ของร้านสะดวกซื้อ 7-11 งวดไตรมาส 2/2568 ทั้งในไทย สปป.ลาว และกัมพูชามีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) หนุนจากยอดขายกลุ่มสินค้าอาหารพร้อมทาน (Ready to eat, Ready to drink), การเพิ่มขึ้นของสินค้ากลุ่ม Personal Care, Beauty, ยาสามัญประจำบ้าน และยอดขายผ่านบริการจัดส่ง (Delivery)
ทั้งนี้ บริษัทยังคงติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจ โดยเฉพาะอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ไทย อย่างใกล้ชิดเพื่อประกอบการปรับประมาณการรายได้รวมทั้งปี 2568 ซึ่งโดยสถานการณ์ปกติจะขยายตัวสอดคล้องกับอัตราการขยายตัวของ GDP ในประเทศที่ราว 2-3% ต่อปี เบื้องต้นหากหน่วยงานภาครัฐบาลพิจารณาปรับประมาณการ GDP เศรษฐกิจไทยลง รายได้รวมทั้งปี 2568 ของบริษัทมีแนวโน้มเติบโตได้กว่าประมาณการที่ทำไว้ช่วงต้นปี 2568 เล็กน้อย
นอกจากนี้ บริษัทยังคงงบประมาณการลงทุนทั้งปี 2568 ที่ราว 1.2 - 1.36 หมื่นล้านบาท ในการขยายสาขาในไทยราว 700 สาขา, ขยายสาขาในกัมพูชาราว 30 สาขา และขยายสาขาในสปป.ลาวราว 10 สาขา ทั้งยังคงแผนการปรับปรุงสาขาเดิม
พร้อมกันนี้ คณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติวงเงินไม่เกิน 7.5 พันล้านบาท ในโครงการซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 150 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนราว 1.7% ของหุ้นที่ชำระแล้ว ระยะเวลาโครงการตั้งแต่ 16 พฤษภาคม - 14 พฤศจิกายน 2568 โดยจะพิจารณาเข้าซื้อหุ้นจากตลาดหลักทรัพย์ในช่วงราคาที่เหมาะสม และจะรายงานความคืบหน้าต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามขั้นตอน
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ กำไรงวดไตรมาส 2/2568 จะถูกขับเคลื่อนโดยยอดขาย อาหารพร้อมรับประทานยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งน่าจะช่วยรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้ทรงตัวสูงไว้ได้อย่างต่อเนื่อง จึงคงประมาณการกำไรขั้นต้นทั้งปี 2568 ที่ 2.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.8% YoY แม้ว่ารายได้รวมทั้งปีจะโตได้ราว 8% YoY และเลือกเป็นหุ้นเด่นในกลุ่มค้าปลีกโดยราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ 15.9 เท่าของ P/E ปี 2568 ซึ่งถือว่าไม่แพงเลยเมื่อพิจารณาจากการเติบโตของ EPS ในปีนี้ที่ 15% ราคาเหมาะสม ที่ 80 บาท