'ซุ้มประตูของดาร์วิน' ภูเขาหินชื่อดังในกาลาปากอส พังถล่ม หลังโดนกัดเซาะมานาน
Darwin's Arch หรือ 'ซุ้มประตูของดาร์วิน' ภูเขาหินอันเลื่องชื่อ ที่ตั้งอยู่บริเวณตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะดาร์วินในหมู่เกาะกาลาปากอสได้พังทลายลง เนื่องจากการกัดเซาะตามธรรมชาติ
เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา กระทรวงสิ่งแวดล้อมของเอกวาดอร์ ได้โพสต์ระบุว่าเมื่อวันที่ 17 พ.ค. ประตูของดาร์วินอันเลื่องชื่อได้พังทลาย โดยเหตุการณ์นี้เป็นผลมาจากการกัดเซาะตาม โดยการถล่มเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 11.20 น. ตามเวลาในท้องถิ่น และไม่มีนักดำน้ำได้รับอันตรายจากเหตุการณ์ดังกล่าวธรรมชาติ
ซุ้มประตูของดาร์วินนั้นเป็นภูเขาหินรูปทรงโค้งซุ้มประตูที่ก่อตัวขึ้นอย่างสวยงามตามธรรมชาติ อีกทั้งในบริเวณดังกล่าวยังได้รับการยอมรับว่าเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดในโลกสําหรับการดําน้ำชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติ และสามารถพบกับสัตว์ทะเลต่าง ๆ ได้มากมายอาทิ เต่าทะเล ฉลามวาฬ กระเบนราหู และโลมา
ทั้งนี้ซุ้มหินอันเลื่องชื่อนี้ได้รับการตั้งชื่อตาม 'ชาร์ลส์ ดาร์วิน' นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ครั้งไปเยี่ยมชมหมูเกาะแห่งนี้เมื่อปี พ. ศ. 2378 เพื่อเก็บสะสมตัวอย่าง และสังเกตลักษณะทางพฤกษศาสตร์และสัตววิทยาของที่นี่ ดาร์วินจึงขนานนามหมู่เกาะแห่งนี้ว่า 'ห้องปฏิบัติการวิวัฒนาการที่มีชีวิต' ความหลากหลายและแตกต่างของสิ่งมีชีวิตในหมู่เกาะนี้ ทำให้ดาร์วินได้ความคิดเรื่องการคัดเลือกพันธุ์โดยธรรมชาติและทฤษฎีวิวัฒนาการ และเมื่อเขาได้ตีพิมพ์หนังสือ กำเนิดพงศ์พันธุ์ จนทำให้ผู้คนก็รู้จักหมู่เกาะกาลาปากอสมากขึ้น
และหมู่เกาะแห่งนี้ยังได้รับการประกาศให้เป็นหนึ่งในแหล่งมรดกโลกของยูเนสโกในปี พ.ศ. 2521 เพราะที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์กว่า 9,000 สปีชี่ส์ ซึ่ง 75% ของสัตว์ทั้งหมดนี้สามารถพบได้ที่นี่ที่เดียวในโลก ทำให้การเดินทางไปท่องเที่ยวเกาะนี้ค่อนข้างเข้มงวดกว่าสถานที่อื่น ๆ
ด้าน เจน โจนส์ องค์กรการกุศลเพื่อการอนุรักษ์ในหมู่เกาะกาลาปากอส ได้กล่าวว่า รู้สึกเสียใจที่ได้ทราบข่าวการถล่มดังกล่าวประตูของดาร์วินนั้นสัญลักษ์ของกาลาปากอส และเป็นสัญลักษณ์ของประสบการณ์พบเจอสัตว์ทะเลที่น่าประทับใจที่สุดแห่งหนึ่งบนโลก
และที่นี่เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่มีการรวมตัวของฉลามมากที่สุดในโลก "การพังทลายของซุ้มประตูเป็นเครื่องเตือนใจว่าโลกของเราเปราะบางเพียงใด แม้ว่าเราในฐานะมนุษย์จะสามารถหยุดกระบวนการทางธรณีวิทยา อาทิ การกัดเซาะได้เพียงเล็กน้อย แต่สิ่งที่เรายังสามารถทำได้คือพยายามปกป้องสิ่งมีชีวิตทางทะเลอันมีค่าของหมู่เกาะนี้เอาไว้" โจนส์กล่าว
ที่มา : theguardian