"จอห์น แม็คอาฟี" ผู้บุกเบิกซอฟท์แวร์ต้านไวรัส "แม็คอาฟี" แขวนคอตายหนีคดีในคุกบาร์เซโลนา
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 23 มิถุนายนนี้ว่า นายจอห์น แม็คอาฟี นักธุรกิจผู้เชี่ยวชาญด้านซอฟท์แวร์ชาวอเมริกันที่เกิดในประเทศอังกฤษ วัย 75 ปี แขวนคอตัวเองเสียชีวิตในเรือนจำที่นครบาร์เซโลนา ประเทศสเปน เมื่อคืนวันเดียวกัน หลังจากศาลสเปนพิพากษาให้ ส่งตัวนายแม็คอาฟี ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนไปดำเนินคดีหนีภาษีในสหรัฐอเมริกา
นายฆาเบียร์ บีลญัลบา ทนายความของนายแม็คอาฟี เปิดเผยว่า นักบุกเบิกซอฟท์แวร์ต้านไวรัสตัวแรกของโลกรายนี้ แขวนคอตัวเองเพราะทนกับสภาพถูกจำขังมานาน 9 เดือนจนสิ้นหวังไม่ได้ ทั้งๆ ที่ยังคงสามารถยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าวได้อีกครั้งหนึ่งก็ตาม ทั้งนี้เรือนจำในนครบาร์เซโลนา แถลงยืนยันการพบร่างไร้ชีวิตของนายแม็คอาฟีเมื่อ 23 มิถุนายน โดยกำลังสอบสวนข้อเท็จจริงของเรื่องทั้งหมดอยู่
นายแม็คอาฟี เคยให้การต่อศาลสเปนเมื่อเดือนที่ผ่านมาว่า ด้วยวัย 75 ปีของตน หากถูกตัดสินจำคุกก็คงต้องตายในเรือนจำในสหรัฐอเมริกา “ผมหวังว่าศาลสเปนคงเข้าใจถึงความไม่เป็นธรรมจากการนี้” นายแม็คอาฟี ระบุ โดยแสดงความเชื่อว่า สหรัฐอเมริกาต้องการใช้คดีของตนเป็นคดีตัวอย่าง
ทั้งนี้ จอห์น แม็คอาฟี ถูกฟ้องร้องกล่าวหาว่าหนีภาษีในรัฐเทนเนสซี และถูกกล่าวหาว่า ฉ้อโกงในคดีที่เกี่ยวเนื่องกับสกุลเงินดิจิทัล ในรัฐนิวยอร์กอีกด้วย ทำให้ต้องใช้ชีวิตตระเวนไปทั่วโลกหลบหนีการไล่ล่าจับกุมตัวของทางการสหรัฐอเมริกามานานหลายปี และถูกควบคุมตัวที่ท่าอากาศยานบาร์เซโลนา ขณะเตรียมเดินทางไปยังนครอิสตันบุล ประเทศตุรกี เมื่อวันที่ 3 ตุลาคมปีที่แล้ว
จอห์น แม็คอาฟี เคยทำงานอยู่กับองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ของสหรัฐอเมริกา, ต่อด้วยบริษัท ซีร็อกซ์ และ ล็อคฮีดมาร์ติน ก่อนออกมาก่อตั้งบริษัทผู้บุกเบิกพัฒนาซอฟท์แวร์ต่อต้านไวรัสเชิงพาณิชย์ได้สำเร็จเป็นรายแรกของโลก ในปี 1987 ใช้ชื่อซอฟท์แวร์ตามชื่อตัวเองว่า “แม็คอาฟี” ที่ถูกขายกิจการให้กับ อินเทล คอร์ป. ทั้งหมดในปี 2011 แต่ยังคงใช้ชื่อเดิมอยู่จนกระทั่งถึงบัดนี้และมีผู้ติดตั้งใช้งานทั่วโลกกว่า 500 ล้านคน
แม็คอาฟี เคยให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อปี 2019 ว่า ตนไม่ยอมเสียภาษีเงินได้ให้กับสหรัฐอเมริกต่อเนื่องกันนาน 8 ปี ด้วยเหตุผลเชิงอุดมการณ์ และออกเดินทางจากสหรัฐอเมริกาในปีนั้นเพื่อหนีคดี โดยใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในเรือยอร์ชต์ขนาดใหญ่ พร้อมภรรยา, สุนัข 4 ตัว เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 2 รายและเจ้าหน้าที่ประจำเรืออีก 7 นาย